Porsche Thailand จัดงานเปิดตัว New 911 GT3 ในสนามแข่งระดับโลก
เอาใจคนรักความเร็วด้วยยนตรกรรมสปอร์ตสายสนามแข่ง ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัทเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตสายสนามแข่ง The new 911 GT3 อย่างเป็นทางการครั้งแรก ด้วยการเนรมิตสนามบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พาลูกค้าผู้ที่หลงใหลในความสปอร์ต และความแรงไปสัมผัสสุดยอดประสบการณ์ในการขับทดสอบสมรรถนะของรถ Porsche 911 GT3 พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญการขับขี่ Porsche Instructor และนักแข่งรถมอเตอร์สปอร์ตมืออาชีพแถวหน้าของเมืองไทยมาให้คำแนะนำ และดูแลการขับขี่อย่างใกล้ชิด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา
คุณปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจของเอเอเอสฯ ซึ่งเป็น ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการ ที่ได้จัดงานเปิดตัวรถ The new 911 GT3 ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ สนามแข่งมาตรฐานระดับโลก พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะสำหรับลูกค้าปอร์เช่ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์ความเร็ว และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของยนตรกรรมสปอร์ตสายสนามอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด รวมถึงเรียนรู้สมรรถนะของรถสปอร์ตคู่ใจ ในด้านต่างๆ พร้อมวิธีการขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัย สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทุกท่านจะได้รับความสุข และความประทับใจกลับไปจากงานในวันนี้”
สำหรับกิจกรรม The Exclusive Launch of the new 911 GT3 นับเป็นสุดยอดประสบการณ์ในการขับทดสอบสมรรถนะสุดเร้าใจหลังพวงมาลัยของยนตรกรรมสปอร์ตสายสนามแข่งระดับตำนานอย่างปอร์เช่ 911 จีที3 ใหม่ ที่เอเอเอสฯ ได้จัดขึ้นเพื่อลูกค้าปอร์เช่ โดยเฉพาะสนองนโยบายของ เอเอเอสฯ ที่ว่าเอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถ และคุณ (AAS Looking After You and your CAR) พร้อมทั้งรังสรรค์โปรแกรมสุดพิเศษให้เหมาะสมกับการขับขี่เพื่อเสริมสร้างทักษะในการควบคุมรถยนต์ ให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ต่างๆ โดยเน้นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาจากรถแข่งในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งถูกถ่ายทอดมาไว้ในรถยนต์ปอร์เช่ทุกคัน และเพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างเต็มสมรรถนะและปลอดภัยมากที่สุด โดยเหล่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับการถ่ายทอดข้อมูลและความรู้เบื้องต้นในการขับขี่รถปอร์เช่ 911 จีที3 ใหม่ จากปอร์เช่ อินสตรัคเตอร์ (Porsche Instructor) ก่อนการลงขับทดสอบสมรรถนะจริงในสนาม บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อีกด้วย
โปรแกรมการขับขี่ที่เหล่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบบนสนามคือสถานีการขับขี่ 4 สถานี ที่ผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ Porsche ได้ออกแบบไว้ ได้แก่ สถานี “Handling” ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงอาการของรถเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางหรือการเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ในสถานีนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการยึดเกาะถนน และระบบช่วงล่างของรถยนต์ Porsche ได้เป็นอย่างดี
สถานี “Slalom” และ “Launch Control” ผู้ขับขี่จะได้พบกับความแรงในการออกตัวสุดเร้าใจ และระบบเบรกที่มีความปลอดภัยสูงสุดของรถยนต์พร้อมเรียนรู้วิธีการควบคุมรถยนต์โดยใช้พวงมาลัยหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนน พร้อมกับการควบคุมทิศทางที่แม่นยำและความคล่องตัวของรถขณะเข้าโค้งทางแคบด้วยความเร็ว รวมถึงศักยภาพการทรงตัวของรถยนต์ปอร์เช่ที่เป็นเลิศ
ต่อเนื่องด้วยอีก 1 สถานีไฮไลต์ที่สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้แก่ “Taxi Laps” ซึ่งเป็นสถานีพิเศษเอาใจผู้เข้าร่วมงานทุกท่านรวมถึงผู้ติดตามให้ได้ร่วมสนุกกับการนั่งทดสอบสมรรถนะของรถแข่ง Porsche 911 GT3 R ส่งท้ายกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ด้วยการมอบรางวัลให้กับผู้ที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุด 2 ท่านในสถานี “Slalom” นั่นคือโมเดลรถปอร์เช่ จีที3 สี Silver Metallic รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท ให้ผู้ชนะกับไปเป็นที่ระลึกถึงความประทับใจ
ทำความรู้จัก The new Porsche 911 GT3
New Porsche 911 GT3 มีราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท ได้รับการเสริมอุปกรณ์ทางเทคนิคที่โดดเด่นในขั้นตอนการพัฒนาทีมงานวิศวกรปักธงไว้ที่จุดประสงค์หลักหนึ่งเดียวคือ ยกระดับขีดความสามารถด้านสมรรถนะของยนตรกรรมสปอร์ตพลังแรง โดยไม่ลดทอนอรรถประโยชน์ความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวันลง การประสานงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างบรรดาช่างเทคนิคจากสายการผลิตปกติ และเหล่าบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากแผนกมอเตอร์สปอร์ตเพื่อภารกิจสุดยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความสำคัญนี้โดยเฉพาะ ซึ่งปอร์เช่ 911 จีที3 ใหม่ ได้รับการพัฒนาจากทีมงานวิศวกรชุดเดียวกับที่พัฒนารถแข่งสายสนามเข้ามาร่วมออกแบบยนตรกรรม GT คันใหม่ สำหรับใช้บนถนนสาธารณะส่งผลให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็วราวกับจินตนาการ
ขุมพลังเครื่องยนต์รอบจัด High-revving DNA จากสนามความเร็ว
ขั้นตอนการทดสอบระหว่างการพัฒนาเครื่องยนต์ความจุ 4 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศที่ให้รอบการทำงานสูงในรูปแบบ High-revving เป็นภารกิจที่จำเป็นต้องใช้เวลามากยิ่งขึ้น ในภาพรวมเครื่องยนต์ของ New Porsche 911 GT3 มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 22,000 ชั่วโมงบนแท่นทดสอบ ในขณะนั้นเราจำลองสถานการณ์การขับขี่ที่ต้องใช้ในสนามแข่ง และเร่งเครื่องยนต์จนเต็มกำลังแทบจะตลอดเวลาที่ทดสอบเครื่องยนต์สามารถตอบสนองอย่างฉับไวทันทีที่เหยียบคันเร่งด้วยพื้นฐานจากขุมพลังของรถแข่ง 911 GT3 R และรถแข่ง 911 GT3 Cup พกพาพละกำลังติดตัว 510 แรงม้า (375 กิโลวัตต์) มากกว่า GT3 รุ่นก่อนหน้า 10 แรงม้า กำลังสูงสุดจะออกมาในรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ 8,400 รอบต่อนาที และระบบจำกัดรอบอิเล็กทรอนิกส์จะยอมให้ทำรอบต่อไปจนตัดการทำงานที่ 9,000 รอบต่อนาที ในส่วนของแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าจาก 460 เป็น 470 นิวตันเมตร
เช่นเดียวกับรถแข่งในวงการมอเตอร์สปอร์ต การทำงานอันแม่นยำและเที่ยงตรงของวาล์วที่รอบเครื่องยนต์สูง เกิดขึ้นจากระบบกระเดื่องกดวาล์ว Rocker Arms ที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีวาล์วแปรผัน VarioCam ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถควบคุมการทำงานของเพลาลูกเบี้ยวให้ตอบสนองต่อรอบการทำงาน และรับภาระเครื่องยนต์ แบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงขยายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแบริ่งก้านสูบกว้างขึ้น และผนังกระบอกสูบเคลือบสารพลาสมาเพื่อลดการสูญเสียกำลังรวมทั้งลดการสึกหรอจากแรงเสียดทานที่ต่ำลง ระบบลิ้นปีกผีเสื้อแยกอิสระซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากรถแข่งให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจยิ่งขึ้น
อัตราเร่งที่รวดเร็วทั้งในแนวตั้งชันและแนวราบที่ The new Porsche 911 GT3 ทำได้บนสนามแข่ง หมายความว่าน้ำมันเครื่องรอบจัดเช่นนี้ที่ต้องจ่ายให้เครื่องยนต์รอบจัดเช่นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับรถแข่งที่มีการหล่อลื่นเครื่องยนต์รับหน้าที่ด้วยระบบ Dry-sump ซึ่งมีอ่างน้ำมันเครื่องแยกด้วยการทำงานของจังหวะดูดน้ำมันเครื่องรวมทั้งสิ้น 7 ขั้นตอนส่งผลให้น้ำมันเครื่องถูกส่งกลับไปยังอ่างอย่างรวดเร็วและ มีประสิทธิภาพ ในส่วนของการหล่อลื่นก้านสูบที่จำเป็นต้องรับภาระอย่างหนักนั้น เป็นหน้าที่ของปั้มน้ำมันเครื่องส่งต่อจากเพลาข้อเหวี่ยงโดยตรง เครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ในรถแข่ง Porsche GT3 Cup นั้นมีอุปกรณ์ที่แตกต่างจากเครื่องยนต์บล็อกนี้แค่ 2 อย่างนั่นคือระบบระบายไอเสียและกล่องสมองกลควบคุมเครื่องยนต์ นอกจากนั้นเหมือนกันแทบทุกประการ
เครื่องยนต์ของ Porsche 911 GT3 แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานวิศวกรและนักทดสอบฝีมือดีจากปอร์เช่ที่ได้ทำการทดสอบด้านมลภาวะถึง 600 รูปแบบ ในระหว่างกระบวนการพัฒนาเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้จะผ่านมาตรฐานข้อกำหนดที่เข้มงวด รวมถึงมาตรฐานท่อไอเสียอันเคร่งครัดที่ถูกบังคับใช้ในเชิงของความทนทาน ซึ่งต้องทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยความต่อเนื่องยาวนานเป็นระยะทางมากกว่า 5,000 กิโลเมตร บนสนามรูปวงรีที่นาร์โด้ ประเทศอิตาลี ขณะที่ทำความเร็วคงที่ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหยุดพักเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ปอร์เช่ ประเทศไทย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.