All-New Lexus NX ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการออกแบบ, ประสบการณ์การขับขี่ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า

 

Lexus ประกาศเปิดตัว The All-New Lexus NX ครั้งแรกของโลก ที่ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า Lexus ทั่วโลก และแพร่ขยายความเป็นผู้นำของเลกซัสในด้านความหรูหราที่ยั่งยืน

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1989 Lexus มุ่งมั่นในจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมและยังคงรับมือกับความท้าทายในการนำเสนอเทคโนโลยีและค่านิยมใหม่ๆ แก่ลูกค้า ด้วยการเปิดตัว RX รุ่นแรกในปี 1998 Lexus ได้สร้างสรรค์รถยนต์ Luxury Crossover SUV ระดับหรูรูปแบบใหม่ และได้เป็นผู้นำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ร่วมกับ The All-New NX ที่จะสานต่อความเป็นผู้นำในรถยนต์ SUV สุดหรู

Lexus NX เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ตามแนวคิด “Premium Urban Sports Gear” ตั้งแต่นั้นมารถยนต์ Crossover สุดหรูก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัวและการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและโดดเด่น NX มียอดขายประมาณหนึ่งล้านคันทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2021) ในกว่า 90 ประเทศและภูมิภาค

The All-New NX นั้นถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “Vital x Tech Gear” ซึ่งผสมผสานความปราดเปรียว (Vital) เข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูง (Tech) ด้วยสัดส่วนของรถที่ดูแข็งแกร่งและสะดุดตา ตลอดจนการเสริมความแข็งแกร่งของพื้นฐานรถและเทคโนโลยีใหม่ขั้นสูงมากมายจะทำให้ลูกค้าที่ได้ทดลองขับ The All-New NX ได้รับประสบการณ์การตอบสนองของรถที่ดียิ่งขึ้น

การปรับปรุงการควบคุมการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการลดน้ำหนักที่พิจารณามาอย่างละเอียดเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่รวมไว้เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ “Lexus Driving Signature”   ซึ่งจะเป็นจุดเด่นของรถยนต์ Lexus ในอนาคตทั้งหมด ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ ”Lexus Electrified” The All-New NX จะวางจำหน่ายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบปลั๊กอิน (PHEV) รุ่นแรกของ Lexus

ทางเลือกของเครื่องยนต์ที่หลากหลายใน Lexus NX ใหม่นี้ จะช่วยเร่งการเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าให้เร็วยิ่งขึ้นจึงเป็นการเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้นเพื่อเพิ่มการแสวงหาความเป็นกลางของคาร์บอน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกระบบส่งกำลังอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง NX จะมีให้เลือกในเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตรอีกด้วย

คุณสมบัติหลักของ ALL NEW NX

1.NX ใช้ระบบส่งกำลังที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและเพื่อให้เกิดสังคมที่ปราศจากคาร์บอน

– ระบบส่งกำลังที่มีจำหน่าย ได้แก่ PHEV รุ่นแรกของ Lexus PHEV ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุสูง เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 4 สูบแถวเรียงขนาด 2.4 ลิตรที่พัฒนาขึ้นใหม่ และเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ 4 สูบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตร  – ทั้งหมดมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูง

– ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ที่มีให้ในรุ่นที่ติดตั้ง PHEV และระบบส่งกำลังเทอร์โบ 2.4 ลิตร ในขณะที่ทั้ง AWD และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) มีอยู่ในรุ่นที่ติดตั้ง HEV และระบบส่งกำลังขนาด 2.5 ลิตร

– NX ใหม่ คือการปรับโฉมใหม่เต็มรูปแบบครั้งแรกของ Lexus เพื่อให้สัมผัสได้ถึง Lexus Driving Signature (LDS) ลูกค้า NX ใหม่ จะได้สัมผัสกับ LDS ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาโดยตรงผ่านคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความเสถียรของรถยนต์ กำลังเครื่องยนต์ และความปลอดภัยที่มากขึ้น NXใหม่ จะมอบความรู้สึกในการขับขี่ที่ตอบสนองได้ทันทีด้วยการสื่อสารกับพวงมาลัยโดยตรงระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ วิศวกรของ Lexus ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพื่อให้แน่ใจว่า Lexus NX จะตอบสนองต่อความตั้งใจของผู้ขับขี่อย่างตรงไปตรงมา ดำเนินการประเมินและทดสอบรถยนต์ที่ศูนย์เทคนิค Shimoyama เพื่อปรับแต่งให้ตรงกับความพึงพอใจในการขับขี่สูงสุด AWD ที่พัฒนาขึ้นใหม่และควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลาได้ถูกนำไปใช้กับรุ่นเทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตร

2.ทิศทางการออกแบบของ Lexus เจนเนอร์เรชันใหม่ที่มีรากฐานมาจากสัดส่วนของที่ดูเข้มแข็งและก่อให้เกิดความประทับใจในด้านสมรรถนะและการทำงาน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก

– NX แสดงองค์ประกอบของภาษาการออกแบบ Lexus ที่พัฒนาขึ้นซึ่งแสวงหา “ความเรียบง่าย” ที่ฝังรากอยู่ในเทคโนโลยีและ “เอกลักษณ์” ในส่วนผสมที่ลงตัวสร้างให้เกิดสมรรถนะอันปราดเปรียว

– การออกแบบภายนอกของ NX แสดงออกถึงรูปแบบที่น่าดึงดูดใจ โดยจำลองลักษณะภายนอกทุกส่วนใหม่ ด้วยเค้าโครงที่มีพลัง ที่สามารถรับรู้ผ่านได้จากแพลตฟอร์มของรถยนต์รุ่นใหม่

– ภายในของ NX เป็นห้องโดยสารแรกที่รวมเอาแนวคิด Tazuna Concept มาใช้ในการออกแบบบริเวณแผงควบคุมด้านหน้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่เชื่อมต่อกับรถได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีสมาธิกับการขับขี่มากขึ้น

  1. NX ใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันล่าสุด และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกขั้นสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

– “Lexus Safety System+” เจเนอเรชันใหม่นำเสนอเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำหน้าพร้อมที่จะคอยช่วยเหลือผู้ขับขี่ตลอดเวลา

– ระบบ E-latch ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกใน Lexus จะควบคุมการล็อคและปลดล็อคประตูแบบอิเล็กทรอนิกส์ NX สามารถติดตั้งระบบ “Advanced Park” ของ Lexus ได้

รถยนต์ระบบ PHEV รุ่นแรกจาก Lexus

จากวิสัยทัศน์ด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า “Lexus Electrified” ที่ประกาศในปี 2019 Lexus ตั้งเป้าที่จะมอบความสนุกสนานและความเพลิดเพลินที่รถยนต์มอบให้แก่ลูกค้า แม้กระทั่งในยุคของสังคมแห่งการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำเช่นนี้จะทำให้จำเป็นต้องมีวิวัฒนาการของสมรรถนะพื้นฐานของรถยนต์ Lexus เพิ่มความเร็วในการผลิตและใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (พร้อมกับ HEV) ด้วยการเปิดตัวระบบส่งกำลัง PHEV รุ่นแรกของ Lexus ใน All-new NX PHEV โมเดลหลักระดับโลกซึ่งนำเสนอช่วงการใช้งานของ EV ที่เป็นไปได้จริง ประสิทธิภาพการเร่งความเร็วที่ทรงพลัง และความเงียบที่เหนือกว่า

< ระบบไฮบริดแบบปลั๊กอิน >

ระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินที่ใช้ในเวอร์ชั่น PHEV ของ NX ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตรแบบประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลัง และความจุสูงและมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและด้านหลัง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีกำลังส่งออกที่น่าประทับใจถึง 18.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมอบช่วงการใช้งาน EV ชั้นชั้นยอดและกำลังสำหรับการขับขี่ทุกวัน

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้สี่โหมด (โหมด EV โหมด AUTO EV/HEV โหมด HEV และโหมดชาร์จเอง) เพียงกดสวิตช์ ในโหมด HEV เครื่องยนต์และมอเตอร์จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่สูง นอกจากนี้ เมื่อเลือกโหมด AUTO EV/HEV โดยป้อนปลายทางเข้าสู่ระบบนำทาง โหมด EV/HEV ที่คาดการณ์ล่วงหน้าของ Lexus จะเปลี่ยนไปใช้โหมด HEV บนทางหลวงและสภาพถนนอื่นๆ โดยอัตโนมัติตามข้อมูล เช่น พลังงานแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ เส้นทาง และข้อมูลการจราจร ทั้งหมดเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดพลังงาน

การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ LEXUS จะช่วยมอบสมดุลในการบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองได้ทันทีและกำลังในการขับเคลื่อนรถยนต์ SUV

รถยนต์ NX ใหม่ใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ GA-K เพื่อให้ได้ตัวถังที่มีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงสูง โดยมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อให้สามารถบังคับควบคุมรถได้อย่างเหนือชั้น สมรรถนะพื้นฐานของรถได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสืบทอดเอกลักษณ์การขับขี่ในแบบเฉพาะของ Lexus ซึ่งเป็นการขับขี่ที่สามารถตอบสนองต่อการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการควบคุมที่ปรับปรุงเพื่อให้ได้การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวระบบส่งกำลังให้เลือกถึง 8 รุ่น รวมถึง PHEV รุ่นแรกของ Lexus เพื่อนำเสนอระบบส่งกำลังที่เหมาะสมในระดับสากล ช่วยให้ท่านได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ที่ผสมผสานความสะดวกสบาย เสถียรภาพ ความคล่องตัว พละกำลัง และความปลอดภัยได้อย่างลงตัว  การเชื่อมต่อการควบคุม และความมั่นใจของผู้ขับขี่จะได้รับการยกระดับในทุกสภาวะด้วยปรัชญาในการพัฒนารูปแบบการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lexus

<ระบบส่งกำลัง>

  • PHEV e-FOUR 2.5 ลิตร (A25A-FXS + THS II Plug-in + มอเตอร์ด้านหลัง)
  • HEVe-FOUR 2.5 ลิตร (A25A-FXS + THS II + มอเตอร์ด้านหลัง)
  • HEVFF 2.5 ลิตร (A25A-FXS +THS II)

ผสมผสานเครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตรที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง และใช้การคำนวณระบบควบคุมซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของ Lexus เพื่อให้ได้มาซึ่งสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง E-Four มีการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังแบบแปรผันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่โหมด 100:0 ไปจนถึง 20:80 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวเวอร์ชัน FWD เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

  • AWD แบบเทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตร (T24A-FTS + Direct Shift-8AT + AWD แบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลา) ประกอบด้วยทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จแบบสี่สูบแถวเรียงขนาด 2.4 ลิตร Direct Shift-8AT แรงบิดสูง และ AWD แบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลาที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ นอกจากระบบเผาไหม้ความเร็วสูงแล้ว เครื่องยนต์ยังมีระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบ center-injection direct-injection รุ่นแรกของ Lexus และมีการวางตำแหน่งเทอร์โบชาร์จเจอร์ไว้ใกล้กับเครื่องกรองไอเสียเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษและการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้มงวดมากขึ้นทั่วโลก และในขณะเดียวกัน ก็ตระหนักถึงความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วย ระบบส่งกำลังถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ช่วยให้สามารถสร้างแรงบิดสูงได้แม้จะมีความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำก็ตาม เทคโนโลยีการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ช่วยให้สามารถเร่งความเร็วและลดความเร็วได้ตรงตามความต้องการของคนขับ และให้รอบเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ที่น่าพอใจ นอกจากนี้ AWD แบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลายังช่วยปรับการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังอย่างต่อเนื่องจาก 75:25 เป็น 50:50 (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์) และใช้เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้ได้มาซึ่งการสัมผัสของหน้ายางกับพื้นผิวถนนและสัมผัสในการบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองได้ดีที่สุด
  • AWD 2.5 ลิตร (A25A-FKS + Direct Shift-8AT + AWD แบบมีการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์สำรอง)
  • FF 2.5 ลิตร (A25A-FKS + Direct Shift-8AT)

เครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตรที่มีประสิทธิภาพสูงและเกียร์ AT 8 สปีดแบบ Direct Shift ระบบ AWD มีการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังแบบแปรผันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 100:0 ไปจนถึง 50:50 ด้วยเทคโนโลยีการควบคุมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและอัตราทดเฟืองท้ายที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร มากที่สุด ซึ่งจะช่วยมอบแรงขับที่พอเหมาะเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจ พร้อมด้วยรอบเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมและเป็นจังหวะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระหว่างขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรุ่น FWD เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าของเรา

<ตัวถังรถที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา>

  • เหล็กเสริมความแข็งแรงและแผงตัวถังถูกติดตั้งเพิ่มเข้ากับคานรองรับและชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถเพื่อให้ได้กำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด ความแข็งแรงของโครงสร้าง GA-K ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงรูปร่างของโครงกระจังหน้า และมีการเพิ่มความหนาของแผ่นตัวถัง โครงสร้างส่วนบนของตัวรถยังได้รับประโยชน์จากฝากระโปรงหน้าที่มีโครงสร้างแบบล็อกคู่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรถยนต์ Lexus นอกจากโครงสร้างรูปวงแหวนแล้ว ยังมีการติดตั้งสารโฟมที่มีโครงสร้างแข็งแรงตามการวิเคราะห์ CAE เอาไว้ เพื่อลดการเสียรูปในช่องเปิดห้องเก็บสัมภาระด้านหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากเทคโนโลยี laser screw welding (LSW) และกาวยึดโครงสร้างแล้ว เทคโนโลยี Laser Peening ยังได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมโครงรถอีกด้วย ด้วยการวางตำแหน่งที่เหมาะสมและการขยายความยาวของส่วนที่เชื่อมต่อ แรงยึดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 35% เมื่อเทียบกับรุ่นธรรมดา
  • แผ่นเหล็กกันกระแทกด้านนอกผลิตขึ้นจากเหล็กกล้า 1180 MPa ด้วยกระบวนการเชื่อมแบบเทเลอร์แบล็งค์ (เบากว่าชิ้นส่วนโครงสร้างทั่วไป 1.6 กก.) และ ตัวเสริมความแข็งแรงบริเวณกลางหลังคานั้นผลิตขึ้นจากเหล็กแผ่นแบบรีดเย็นซึ่งมีความทนแรงดึงถึง 1470 MPa*3 (เบากว่าชิ้นส่วนโครงสร้างทั่วไปประมาณ 0.3 กก.) โครงสร้างที่ทำจากเหล็กที่มีความต้านทานแรงดึงสูงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความปลอดภัย และการควบคุมรถที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับลดน้ำหนักของรถลงด้วย

<ระบบช่วงล่าง เบรค และยาง>

  • ระบบช่วงล่าง NX ที่พัฒนาขึ้นใหม่ใช้แมคเฟอร์สันสตรัทสำหรับส่วนหน้า และใช้ระบบช่วงล่าง หลังแบบปีกนกคู่สำหรับส่วนหลัง โช้คอัพที่พัฒนาขึ้นใหม่จะช่วยคงแรงสั่นสะเทือนที่ความเร็วต่ำโดยการออกแบบชิ้นส่วนที่มีแรงเสียดทานสูงอย่างระมัดระวัง F SPORT ติดตั้งมาพร้อมกับ Adaptive Variable Suspension (AVS) ล่าสุดเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในระดับสูงและสร้างความสบายในการขับขี่ โครงสร้างยึดล้อถูกเปลี่ยนจากการยึดด้วยโบลท์สตัดและน็อตดุมล้อมาเป็นการยึดด้วยโบลท์ดุมล้อ ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนักของรถส่วนที่ไม่ได้รองรับด้วยระบบช่วงล่าง (น้อยกว่าประมาณ 0.7 กก. เมื่อขันน็อตดุมล้อ) ส่งผลให้ได้สัมผัสในการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมและตอบสนองได้ดี รวมทั้งให้การขับขี่ที่มีคุณภาพสูง ยางขนาด 20 นิ้วและ 18 นิ้วถูกติดตั้งมาพร้อมกับ Extended Mobility Tyre (EMT)*4 เพื่อให้การขับขี่มีคุณภาพสูง และในขณะเดียวกัน ก็เพื่อให้มั่นใจว่ายางของรถยนต์สามารถใช้ในการขับขี่ตามระยะทางที่ปลอดภัยในกรณีที่เกิดยางรั่ว การบังคับเลี้ยวยังใช้แร็คเกียร์*5 แบบปรับได้ที่ใช้เป็นครั้งแรกใน Lexus เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับด้วยความเร็วสูงและสามารถตอบสนองต่อการเลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างรวดเร็ว แร็คเกียร์บังคับเลี้ยวแบบแปรผันรุ่นใหม่ยังใช้งานได้ดีกับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำอีกด้วย สำหรับการเบรก ยังมีการพัฒนาแป้นเบรกรูปทรงใหม่ ซึ่งถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อให้การสลับระหว่างแป้นเหยียบและการเหยียบแป้นเบรกนั้นง่ายขึ้น PHEV และ HEV เป็นรถยนต์ Lexus รุ่นแรกที่มีกลไกลดแรงสั่นสะเทือนของแป้นเหยียบ ช่วยเพิ่มคุณภาพในการเคลื่อนตัวเมื่อปล่อยแป้นเหยียบให้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แอ็คชิวเอเตอร์เบรกที่ได้รับการพัฒนาและตอบสนองเร็วขึ้นยังรองรับการทำงานของ Lexus Safety Sense+ ได้ดีขึ้นอีกด้วย

<ประสิทธิภาพแอโรไดนามิก>

  • เราให้ความใส่ใจกับการควบคุมแอโรไดนามิกและเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างถี่ถ้วน คิ้วข้างรถจนถึงพื้นผิวประตูและพื้นผิวกระจกออกแบบมาให้เรียบเสมอกันและเกิดความแตกต่างน้อยที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศและเพื่อเสถียรภาพในการขับขี่ ที่ด้านล่างของตัวรถ รอยเว้าในแผงป้องกันน้ำกระเซ็นใต้ท้องรถจะสร้างกระแสลมวนขนาดเล็กที่ช่วยเสริมการไหลเวียนของอากาศใต้ตัวรถและช่วยให้การขับขี่มีเสถียรภาพที่ความเร็วสูง กันชนหน้าได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศและแรงกดเพิ่มขึ้น และกันชนหลังยังมีช่องเปิดเพื่อปรับสมดุลการเคลื่อนตัวของช่วงล่างด้านหลัง

<ความเงียบ>

  • เพื่อให้ได้มาซึ่งความเงียบในการขับขี่ที่คู่ควรกับ Lexus นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับเสียงและป้องกันเสียงของวัสดุในส่วนต่าง ๆ ของรถ เพื่อลดเสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารแล้ว อากาศและเสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารยังลดลงอย่างมาก (ลดลงประมาณ 15% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับเสียงในรถยนต์รุ่นก่อน) นอกจากนี้ เพื่อลดเสียงลมเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง จึงมีการปรับปรุงและพัฒนารูปร่างของยางขอบประตูและรางกระจกประตูหน้า เพื่อให้การปิดผนึกประตูมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับกระจกประตูหน้าได้มีการนำวัสดุป้องกันเสียงชนิดใหม่มาใช้*4 มีการใช้โครงสร้างแบบล็อกคู่ในฝากระโปรงหน้าเป็นครั้งแรกในรถยนต์ Lexus เพื่อลดการสั่นสะเทือนของฝากระโปรงที่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้ได้ความเงียบที่ดียิ่งขึ้น รุ่นเทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตรมีคุณสมบัติ Active Noise Control/Engine Sound Enhancement ซึ่งช่วยปรับปรุงลักษณะเสียงของเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จสี่สูบ และในขณะเดียวกัน ก็ให้ประสบการณ์การขับขี่พร้อมด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่น่าพึงพอใจตามแบบฉบับของ Lexus

มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงล่าสุดและความสะดวกสบายที่ยึดการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาสูงสุดของสังคมของการขับขี่ – “การไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร” NX จึงขอนำเสนอ Lexus Safety System+ ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ด้วยการขยายช่วงการตรวจจับของเรดาร์คลื่นมิลลิเมตรและกล้อง นอกจากนี้เราได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของแต่ละฟังก์ชันและเพิ่มฟังก์ชันใหม่เพื่อช่วยในการขับขี่บนถนนธรรมดา เป้าหมายคือการป้องกันอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากการจราจร และลดภาระของคนขับ

<ระบบ LEXUS SAFETY SYSTEM+ ล่าสุด พร้อมฟังก์ชั่นทีหลากหลายและประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น>

            <PRE-CRASH SAFETY [PCS*1]>

  • เพิ่มการให้ความช่วยเหลือที่ทางแยกโดยรวมเอาความช่วยเหลือในการหลีกเลี่ยงการชนกับรถที่วิ่งตัดกัน รถที่ขับสวนทางมาในทางตรงเมื่อเลี้ยวขวา*2, และคนเดินถนนและนักปั่นจักรยานที่มาจากข้างหน้าเมื่อเลี้ยวขวาหรือซ้าย นอกจากนี้ ขอบเขตของการช่วยเหลือยังได้ขยายไปครอบคลุมถึงรถจักรยานยนต์ ยานพาหนะที่วิ่งสวนทางซึ่งเบี่ยงจากเลน และนักปั่นจักรยานในตอนกลางคืน เมื่อระบบพิจารณาแล้วว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการชน ระบบจะเปิดใช้งานสัญญาณเตือนและเบรกเพื่อช่วยลดความเสียหาย

<RADAR CRUISE CONTROL (WITH ALL-SPEED FOLLOW FUNCTION)>

  • หากรถคันก่อนหน้าในเลนเดินทางด้วยความเร็วที่ช้ากว่าความเร็วรถที่กำหนดไว้ ระบบจะดำเนินการการชะลอตัวโดยอัตโนมัติ
  • ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับทางโค้งข้างหน้าและการชะลอตัวก่อนหน้านี้ตามขนาดของทางโค้ง ฟังก์ชันการควบคุมความเร็วเมื่อเข้าโค้งได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความรู้สึกของคนขับมากขึ้น
  • เมื่อมีรถในช่องทางแซงที่ช้ากว่าความเร็วของรถ ระบบจะลดความเร็วรถเพื่อไม่ให้แซงออกจากเลนที่ขับขี่อยู่และรักษาระยะห่างระหว่างรถทั้งสองคัน*4

            <อื่นๆ>

LANE DEPARTURE ALERT[LDA*5

จุดมุ่งหมายคือการควบคุมระบบร่วมกับคนขับ เช่น การปิดใช้งานฟังก์ชั่นเตือนและยับยั้งการออกจากเลน เมื่อสามารถตัดสินได้ว่าคนขับได้ทำการบังคับรถโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงบุคคลหรือรถที่จอดอยู่  นอกจากนี้ ระบบยังสามารถแยกแยะ เสาไฟฟ้า ขอบทางเท้า ราวกั้น กำแพง และแถวเสาไฟฟ้าที่เรียงต่อกันได้ ซึ่งจะช่วยการสนับสนุนเพิ่มเติมที่ในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ

LANE TRACING ASSIST[LTA*6

ประสิทธิภาพการจดจำเลนได้รับการปรับปรุงเพื่อการสนับสนุนการบังคับเลี้ยวที่นุ่มนวลและไม่ถูกรบกวน  ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การแซงรถในเลนที่อยู่ติดกัน หรือเมื่อมีระยะห่างระหว่างรถกับโครงสร้างถนนแบบออฟโรด ตำแหน่งการติดตามจะชดเชยจากศูนย์กลางของถนนไปยังด้านหลีกเลี่ยง เช่นเดียวกับการขับขี่ของคนขับ เพื่อให้เกิดการควบคุมร่วมกับคนขับ

ROAD SIGN ASSIST[RSA*9

นอกจากป้าย “ความเร็วสูงสุด” “ห้ามแซง” “ห้ามรถผ่าน” และ “หยุดชั่วคราว” แล้ว เรามีขยายขอบเขตการสนับสนุนให้รวมถึงป้าย “ห้ามเลี้ยว” แล้วเช่นเดียวกัน

PROACTIVE DRIVING ASSIST[PDA*11

ระบบจะการคาดการณ์ความเสี่ยงตามสถานการณ์การขับขี่ เช่น “คนเดินเท้าข้ามถนน” หรือ “รถยนต์อาจจะไม่สามารถควบคุมได้” และช่วยสนับสนุนคนขับเพื่อไม่ให้เข้าใกล้อันตรายมากเกินไป ส่งผลให้คนขับเกิดความอุ่นใจ นอกจากนี้ ระบบยังช่วยสนับสนุนการลดความเร็วของคนขับเพื่อตอบสนองต่อรถคันข้างหน้าหรือทางโค้งข้างหน้า และลดความจำเป็นในการเปลี่ยนการเหยียบแป้นบ่อยครั้ง

<ระบบใหม่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบาย>

            E-LATCH SYSTEM

การเปลี่ยนกลไกการล็อก/ปลดล็อกของประตูด้วยการควบคุมด้วยสวิตช์ไฟฟ้า ช่วยให้การทำงานของประตูเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ความรู้สึกที่นิ่มนวล

PANORAMIC VIEW MONITOR

Panoramic View Monitor ที่รวมเอาภาพจากกล้องที่ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวาของรถและแสดงขึ้นบนจอแสดงผลกลาง มีฟังก์ชันใหม่เพื่อแสดงภาพพื้นผิวถนนที่ถ่ายไว้ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ผ่าน เพื่อช่วยให้คนขับเข้าใจพื้นผิวถนนและตำแหน่งยางบริเวณใต้ท้องรถ

*1. PCS:Pre-Collision System
*2. เมื่อขับรถชิดซ้ายของถนน เมื่อขับชิดขวาของถนน เมื่อเลี้ยวซ้าย
*4. มีเฉพาะที่ยุโรป                      *5. LDA:Lane Departure Alert
*6. LTA:Lane Tracing Assist     *8. LCA:Lane Change Assist
*9. RSA:Road Sign Assist         *11. PDA:Proactive Driving Assist

 

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save