มินิ ประเทศไทย เผยโฉมมินิ แฮทช์ และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล รุ่นปรับโฉมใหม่

0

มินิ รุ่นปรับโฉมใหม่ โดดเด่น สะดุดตาด้วยโคมไฟน้าแบบฮาโลเจนในรุ่นคูเปอร์ และคูเปอร์ ดี ที่เน้นรายละเอียดด้วยพาเนลสีดำด้านในโคมไฟ และการปรับโฉมไฟหน้าแบบวงแหวงเต็มวงในดีไซน์ ในรุ่นคูเปอร์ เอส ที่ให้ความสว่างมากขึ้นทั้งในโหมดไฟต่ำและไฟสูงด้วยไฟฟ้า LED พร้อมด้วยไฟ LED Daytime Running Light และฟังก์ชั่นไฟเลี้ยวภายในวงแหวงเดียวกัน โดยไฟจะเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีส้มขณะที่ทำการเปิดไฟเลี้ยว

นอกจากนี้ มินิ รุ่นปรับโฉมใหม่ ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Adaptive LED Headlights ในรุ่น จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ ที่ช่วยปรับความสว่างของไฟหน้าแบบอัตโนมัติตามสภาพเส้นทาง และปรับองศาไฟขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ ระบบนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Matrix light ที่ยกระดับทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วยการเปิด-ปิดระบบไฟส่องสว่างโดยอัตโนมัติเมื่อกล้องในรถยนต์ตรวจจับได้ว่ามีรถยนต์คันอื่นสวนมา เพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ มินิ ได้ปรับไฟท้ายของรถใหม่ให้มีความโดดเด่นด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียน แจ็คแห่งสหราชอาณาจักร ในรุ่นคูเปอร์ เอส และจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอนกึ่งกลาง และไฟท้ายจะเปิดเป็นเส้นแนวทะแยง เมื่อไฟหน้าเปิดอยู่ ทำให้ภาพรวมของท้ายรถรุ่นปรับโฉมใหม่นี้มีความสวยงาม โดดเด่นจากการผสมผสานเส้นไฟเข้ากับรายละเอียดของลายธง

โลโก้ MINI แบบใหม่ในสไตล์เรียบง่ายตราสัญลักษณ์ MINI แบบใหม่นี้ยังคงดีไซน์ความเป็นมินิมอลในสไตล์มินิ แต่ให้ความสบายตามากขึ้นด้วยการออกแบบ 2 มิติ โดยโลโก้ใหม่นี้จะอยู่ที่ 4 ตำแหน่งด้วยกันคือ บริเวณฝากระโปรงหน้ารถ ฝากระโปรงท้ายรถ บนพวงมาลัย และบนกุญแจรีโมท ซึ่งโลโก้ใหม่นี้ยังสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์กับการขับขี่ที่สนุกสนาน การออกแบบที่โดดเด่นและคุณภาพยนตรกรรมระดับพรีเมียม อันเป็นหัวใจสำคัญของมินิ

มินิรุ่นปรับโฉมใหม่ทั้ง 3 ประเภทตัวถัง (มินิ แฮทช์ 3 ประตู, มินิ แฮทช์ 5 ประตู และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล) มาพร้อมตัวเลือกของสีตัวถังใหม่เพิ่มอีก 3 สี คือสีเทา Emerald Grey Metallic สีน้ำเงิน Starlight Blue Metallic และสีส้ม Solaris Orange Metallic พร้อมเสริมความสปอร์ตดุดันในรุ่นคูเปอร์ เอส ด้วย Piano Black Exterior สีดำเงาที่กรอบโคมไฟหน้า โคมไฟท้าย และกระจังหน้ารถ

นอกจากนี้ ยังมีล้ออัลลอยลายใหม่ทั้งหมด 4 แบบที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่น คือ ลาย Victory Spoke Black ขนาด 16 นิ้ว ลาย Roulette Spoke 2-tone ขนาด 17 นิ้ว ลาย Rail Spoke 2-tone ขนาด 17 นิ้ว และ ลาย MINI Yours Vanity Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมฝาครอบล้อใหม่ลาย MINI Yours

สำหรับมินิ คอนเวิร์ตเบิล ภายในห้องโดยสารได้มีการตกแต่งใหม่ ด้วยการเพิ่มตัวเลือกของเบาะสีที่นั่งและห้องโดยสารทั้ง 3 แบบ ได้แก่ Leather Chester, Leather Malt Brown, Leather Cross Punch Carbon Black และล่าสุดกับ Leather Lounge Satellite Grey ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความไม่เหมือนใคร และเติมความโดดเด่นบนท้องถนนให้กับมินิ คอนเวิร์ตทิเบิลขณะขับขี่แบบเปิดหลังคา

นอกจากนี้การปรับโฉมรอบนี้ มินิ ได้ทำการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้ขับสนุกมากขึ้น โดยมินิเครื่องยนต์เบนซินทุกรุ่นจะมีการเพิ่มแรงดันสูงสุดในการฉีดน้ำมันจาก 200 เป็น 350 บาร์ ควบคู่ไปกับใบพัดเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำจากวัสดุที่ทนทานต่อความร้อนสูง รวมถึงมีการปรับแรงดันหัวฉีดน้ำมันทำให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ขณะที่ฝาครอบเครื่องยนต์นำวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) มาใช้เป็นครั้งแรก จึงทำให้มีน้ำหนักเบาลง เสริมสมรรถนะให้รวดเร็วฉับไวขึ้น

สำหรับพวงมาลัยรุ่นใหม่จะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน โดยที่มีฟังก์ชันการใช้งานแตกต่างกันไปในมินิแต่ละรุ่น ทางด้านซ้ายจะมีปุ่มควบคุม Speed Limit ที่กำหนดความเร็วสูงสุดของรถได้ ส่วนชุดควบคุมด้านขวาจะเกี่ยวข้องกับระบบความบันเทิงและเครื่องเสียง นอกจากนี้ มินิทุกรุ่นยังมาพร้อมกับหน้าจอดิจิทัลพร้อมระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว หรือ 8.8 นิ้วที่มีเทคโนโลยีไร้สายแบบ Bluetooth ติดตั้งในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่าง ๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้

มินิ แฮทช์ มาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo โดยมีให้เลือกสรรทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ในรุ่นคูเปอร์ และคูเปอร์ ดี และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตรในรุ่นคูเปอร์ เอส ที่ให้พละกำลังได้สูงสุดถึง 192 แรงม้า ควบคู่กับแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร

ส่วนระบบส่งกำลัง ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมด้วยคันเกียร์ใหม่ในระบบไฟฟ้า โดยในรุ่นคูเปอร์และคูเปอร์ เอส จะมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและพร้อมตอบสนองความท้าทายทุกโจทย์บนท้องถนน ส่วนในรุ่น จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ เสริมความสปอร์ตด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ตอบสนองรวดเร็วในสไตล์รถแข่ง เติมความสนุกในทุกจังหวะการขับขี่

มินิ คูเปอร์ แฮทช์ 3 ประตู ให้กำลังสูงสุดที่ 136 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.8 วินาที ส่วนมินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 5 ประตู สามารถให้กำลังได้สูงสุด 192 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 6.7 วินาที และสำหรับรถมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้าโดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที

สำหรับมินิ รุ่นปรับโฉมใหม่ ได้มีการเพิ่มชุดอุปกรณ์เสริม MINI Excitement มาพร้อมกับระบบ MINI Logo Projection ที่สร้างเอกลักษณ์สะดุดตาด้วยการฉายโลโก้มินิลงบนพื้นนอกตัวรถบริเวณฝั่งคนขับเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ ส่วนในรุ่นจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ มินิยังนำเทคโนโลยีล่าสุดอย่างแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) มาติดตั้งไว้ยังบริเวณช่องในที่วางแขนกึ่งกลางตัวรถ โดยสามารถวางโทรศัพท์รุ่นที่รองรับระบบการชาร์จไร้สายบนแท่นเพื่อชาร์จได้เลย นอกจากนี้ยังมีทางเลือกเสริมให้ติดตั้งพอร์ต USB เพิ่มเติมที่คอนโซลหน้ารถได้อีกด้วย

นอกจากการปรับโฉมมินิ แฮทช์และมินิ คอนเวิร์ตทิเบิลแล้ว มินิยังเปิดตัวโฉมใหม่ของมินิ แฮทช์ ตัวแรงจากตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ในระดับรถแข่งพันธุ์แท้ ทำให้การขับขี่ในวันธรรมดาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจราวกับอยู่ในสนามแข่ง โลดแล่นด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง ระบบช่วงล่าง ชุดแต่ง จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ และขุมพลังจากเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo มอบความเร็วเร้าใจด้วยกำลังสูงสุด 231 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 6.1 วินาที สำหรับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตู และยังคงเอกลักษณ์ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยชุดแต่งในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขนานแท้ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยแบบ John Cooper Works Cup Spoke, 2-tone ขนาด 18 นิ้ว และเอกลักษณ์จานเบรคสีแดง พร้อมด้วยโลโก้จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ มอบความรู้สึกทรงพลังด้วยความคลาสสิกสไตล์มินิอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถอุ่นใจด้วยโปรแกรม MINI Service Inclusive (MSI) ให้เลือกสรรตามความต้องการ ด้วยแพ็คเกจเริ่มต้น MSI Standard ที่ครอบคลุมระยะการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง โดยมินิ แฮทช์ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ รุ่นปรับโฉมใหม่ จะประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

1-mini-lcis-launch4-mini-lcis-launch_rear-light5-mini-lcis-launch_new-logo7-mini-lcis-launch_logo-projectionmini_three-new-variantsmini-3-door_1mini-3-door_3mini-3-door_4mini-3-door_9mini-3-door_10mini-3-door_11mini-3-door_13mini-convertible_1mini-convertible_2mini-convertible_3mini-convertible_4mini-convertible_6mini-convertible_7

Leave A Reply

Your email address will not be published.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save