New Rolls-Royce Ghost ‘สมบูรณ์แบบในความเรียบง่าย—Perfection in Simplicity’
Rolls-Royce ผู้ผลิตรถยนต์ลักชัวรีชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ เปิดตัว New Ghost ที่รวมทุกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงสุดเท่าที่เคยมีมา พัฒนาจากสถาปัตยกรรมอลูมิเนียมสเปซเฟรมที่แข็งแกร่ง ครั้งแรกของโลกกับระบบช่วงล่าง Planar เพิ่มความคล่องตัว และการขับขี่ที่นุ่มนวลดุจพรมวิเศษ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ 12 สูบ 6.75 ลิตร พละกำลัง 571 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร พร้อมความหรูหราของแผงหน้าปัด Illuminated Fascia แผ่นป้ายชื่อรุ่นที่มีดวงดาวรายล้อมกว่า 850 ดวง
นักออกแบบ, วิศวกร และช่างศิลป์ของ Rolls-Royce ต้องการอิสระในการสร้างบุคลิกเฉพาะตัวสำหรับ ‘New Ghost’ ชายและหญิงเหล่านี้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับซูเปอร์ลักชัวรีที่แท้จริงได้เนื่องจากพวกเขาไม่ถูกพันธนาการโดยข้อจำกัดของแพลตฟอร์มที่ใช้ในยานพาหนะที่ผลิตออกมาเป็นปริมาณมาก แต่สมรรถนะต่ำกว่า นี่จึงเป็นที่มาของสถาปัตยกรรมอลูมิเนียมสเปซเฟรมที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Rolls-Royce
ก่อนหน้านี้สถาปัตยกรรมเฉพาะของโรลส์-รอยซ์นี้ได้ถูกนำไปใช้กับยนตรกรรม Phantom รุ่นเรือธงของแบรนด์ และ Cullinan ซึ่งเป็นเหมือนการปฏิวัติของเอสยูวีมาแล้ว ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดของสเปซเฟรมทำให้แบรนด์สามารถตอบสนองความต้องการด้านสุนทรียศาสตร์ และจักรกลที่ไม่เหมือนใครของ New Ghost ได้อย่างเสรี และทำให้เกิดอีกตัวเลือกหนึ่งของยนตรกรรมที่มีความเหนือกว่าทางเสียง มีความแข็งแกร่ง และไดนามิกสูง เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของ Rolls-Royce
สิ่งที่เป็นรากฐานให้แก่สถาปัตยกรรม Rolls-Royce คือพื้นที่บริเวณมุมทั้ง 4 ของตัวรถคือ ฝากั้นเครื่องยนต์อลูมิเนียมที่เคลื่อนย้ายได้, พื้นห้องโดยสาร, คานขวางตัวรถ และแผงขอบประตู ซึ่งได้รับการจัดวางอย่างเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่า New Ghost สามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าในฐานะยนตรกรรมที่น่ารื่นรมย์ไม่ว่าจะเลือกขับเองหรือเป็นผู้โดยสาร สำหรับช่วงล่างชุดกันกระแทก 2 ชุดถูกเลื่อนออกไปอยู่ที่ด้านหน้าสุดของรถทำให้เครื่องยนต์ V12 สูบ 6.75 ลิตร ตั้งอยู่หลังเพลาหน้าพอดี เพื่อให้ได้การกระจายน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุดแบบ 50/50
เพื่อให้สามารถทำเช่นนี้ได้โดยไม่รบกวนการออกแบบภายในของ New Ghost ความยาวโดยรวมของตัวรถจึงเพิ่มขึ้นอีก 89 มม. เมื่อเทียบกับ Goodwood Ghost กลายเป็น 5546 มม. และความกว้างโดยรวมเพิ่มขึ้น 30 มม. เป็น 1978 มม. นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญกับฝากั้นเครื่องยนต์แบบหุ้ม 2 ชั้นและโครงสร้างพื้นห้องโดยสาร เพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ และระบบช่วงล่าง Planar ที่ออกแบบใหม่แกะกล่อง ก็มาช่วยเพิ่มความโดดเด่นของประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลเหมือนอยู่บนพรมวิเศษ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้โดยไม่กระทบต่อจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเข้าโค้ง
เพื่อใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านอลูมิเนียมของแบรนด์ให้มากขึ้น โครงสร้างส่วนบนของ New Ghost ทำจากโลหะ 100 เปอร์เซ็นต์ ตัวถังด้านนอกของรถถูกเปลี่ยนให้เป็นแผ่นโลหะชิ้นเดียวที่มีคุณภาพสูง, กว้าง และลื่นไหลอย่างไร้รอยต่อตั้งแต่เสาเอ (A-pillar) จนถึงหลังคา และย้อนกลับไปที่ด้านหลังตัวรถ ชวนให้นึกถึง Silver Dawn และ Silver Cloud ซึ่งมีแผ่นหุ้มตัวถังชิ้นเดียวแบบงาน Coachbuilt
นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถทอดสายตาจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังของตัวรถได้โดยไม่รู้สึกสะดุดด้วยร่องรอยต่อบนตัวถัง ช่างฝีมือ 4 คน เชื่อมตัวถังทั้งหมดของรถด้วยมือโดยพร้อมกัน เพื่อให้รอยต่อต่างๆ มีความต่อเนื่องสมบูรณ์แบบ รวมทั้งใช้ประตูอลูมิเนียม 100 เปอร์เซ็นต์เชื่อมด้วยเลเซอร์ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างข้อได้เปรียบด้านน้ำหนัก และความแข็งตึง 40,000Nm/deg ที่โดดเด่น แต่วัสดุยังมีค่าต้านทานเสียงต่ำกว่าเหล็ก และให้บรรยากาศห้องโดยสารที่ดีกว่า
เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ สูบ 6.75 ลิตร
จากการศึกษาความต้องการของลูกค้า พบว่าพวกเขาต้องการแรงบิดที่ตอบสนองได้แทบจะในทันที และการวิ่งที่เงียบสนิท ทำให้แบรนด์พัฒนาเครื่องยนต์เบนซิน V12 ทวินเทอร์โบ สูบ 6.75 ลิตร โครงสร้างเครื่องยนต์แบบ Bespoke ของ Ghost ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้รองรับประสิทธิภาพอันล้นเหลือสำหรับยนตรกรรมที่ทรงพลังนี้ สร้างกำลังสูงสุด 571 แรงม้า และแรงบิด 850 นิวตันเมตร ส่งตรงสู่ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ และระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้า แรงบิดสูงสุดมีให้ตั้งแต่ 1600 รอบ/นาทีจนถึงเพียง 600 รอบ/นาที และเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านเสียงที่โดดเด่นให้ดียิ่งขึ้น ได้มีการการปรับแต่งระบบท่อนำอากาศเพื่อลดเสียงเครื่องยนต์ภายในตัวรถ
ระบบช่วงล่าง Planar
ประสบการณ์ขับขี่แบบพรมวิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้พัฒนาไปอีกขั้น สำหรับ New Ghost ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมได้ออกแบบระบบช่วงล่างใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบสิ่งที่เรียกว่าระบบช่วงล่าง Planar ระบบนี้ได้รับการตั้งชื่อตามแนวระนาบทางเรขาคณิตซึ่งเรียบ และราบเสมอกันตลอดแนวอย่างสมบูรณ์ ระบบนี้เป็นผลมาจากการทดสอบและพัฒนาร่วม 10 ปี เพื่อให้เกิดความรู้สึกเสมือนบินแม้จะอยู่บนพื้นดิน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในยานยนต์ใดๆ
ระบบช่วงล่างนี้อาศัยการพัฒนาทางวิศวกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีการสแกนและซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน โดยรวมเอาตัวซับแรงกระแทกปีกนกชิ้นบน (Upper Wishbone Damper) ตัวแรกของโลกไว้เหนือระบบกันสะเทือนล้อหน้า ทำให้การขับขี่มีความมั่นคง และง่ายดายยิ่งขึ้น โดยทำงานร่วมกับระบบกล้องสเตอริโอ Flagbearer ในการอ่านสภาพเส้นทางข้างหน้า เพื่อเตรียมระบบช่วงล่างให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวถนน ระบบสัญญาณดาวเทียมของแบรนด์ (Satellite Aided Transmission) เทคโนโลยีเหล่านี้ประสานงานเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านระบบซอฟต์แวร์ Planar ที่ออกแบบมาเฉพาะทำให้ New Ghost สามารถคาดการณ์และตอบสนองได้ดี แม้จะเผชิญกับพื้นผิวถนนที่โหดร้ายมากที่สุดก็ตาม
ในส่วนของ Upper Wishbone Damper เพียงจุดเดียวต้องใช้เวลาในการทดสอบบนถนนจริง และซอฟต์แวร์ถึง 5 ปี เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะสำหรับ Rolls-Royce ถือเป็นการต่อยอดระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลดุจพรมวิเศษแบบปีกนกสองชั้น (Double-wishbone Magic Carpet Ride) ของแบรนด์ จิตวิญญาณของเซอร์ Henry Royce ผู้ก่อตั้งแบรนด์คือการ “ดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมา แล้วทำให้ดียิ่งขึ้น” (Take the Best that Exists and Make it Better) และด้วยหลักการนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านแชสซีก็ได้พัฒนา Upper Wishbone Damper เพื่อปรับปรุงระบบรองกับการกระแทกแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการผันแปรอย่างต่อเนื่อง และชุดโช้คถุงลม (Air Strut) ที่ปรับระดับได้เอง ซึ่งไม่เคยถูกนำมาใช้ในรถยนต์ที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน
ระบบเพลาหลังแบบไฟว์ลิงค์ และพวงมาลัยล้อหลังยังได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีช่วงล่างถุงลมตัวนี้ด้วย เพลาทั้งสองได้รับการจัดการผ่านซอฟต์แวร์ Planar ซึ่งควบคุมเทคโนโลยีแชสซีอื่นๆ ของ Ghost เช่นกันัจจุบันแปลงของพื้นผิวถนน และระบบขับเคลื่อนทุกล้อ, ระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ, ระบบควบคุมการทรงตัว และระบบเบรกแบบ Self-drying เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนจะสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิว และระดับการยึดเกาะอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในขณะที่ยังรักษาบุคลิกที่มีชีวิตชีวา และทรงพลังของรถไว้ได้อย่างครบถ้วน
ซอฟต์แวร์ Planar ยังจัดการข้อมูลที่จำเป็นต่อ Ghost ในการปรับตัวเชิงรุกให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนผิวทางข้างหน้า เทคโนโลยีแรกคือระบบกล้อง Flagbearer ซึ่งชวนให้นึกถึงผู้ถือธงแดงนำหน้ายานยนต์ในอดีต เทคโนโลยีนี้ประกอบด้วยระบบกล้องสเตอริโอที่ผนึกอยู่กับกระจกหน้าเพื่อช่วยดูเส้นทางจราจรข้างหน้า และระบบช่วงล่างที่ปรับตัวเชิงรุกได้ถึง 100 กม. / ชม. เทคโนโลยีที่ 2 คือระบบสัญญาณดาวเทียมของแบรนด์ ซึ่งจะดึงข้อมูล GPS เพื่อเลือกเกียร์ที่เหมาะสมล่วงหน้าสำหรับการเข้าโค้ง ผลลัพธ์ที่ได้คือความสะดวกสบายในการขับขี่และการควบคุมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับรถยนต์
ประตูเปิดง่าย
ลูกค้าของ Rolls-Royce ชอบประตูที่ปิดเองได้ตั้งแต่ Goodwood Phantom รุ่นแรกที่ควบคุมโดยปุ่มบนแผงหน้าปัด และบนเสาซี (C-Pillar) สำหรับรถยนต์ที่มีประตูท้าย นวัตกรรมนี้ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในหมู่ลูกค้า สำหรับ New Ghost วิศวกรของแบรนด์เลือกที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นนี้ให้ก้าวหน้าขึ้นอีก และเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งานสามารถเปิดประตูได้โดยมีระบบไฟฟ้าคอยช่วยเหลือ
ขั้นแรกในการเปิดประตูคือผู้โดยสารจะดึงที่จับด้านใน 1 ครั้ง จากนั้นปล่อยให้ที่จับกลับสู่ตำแหน่งเดิม ระหว่างนั้นระบบจะตรวจสอบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อม แล้วให้ผู้โดยสารดึงด้ามประตูค้างไว้เพื่อให้ระบบไฟฟ้าเข้ามาเลี้ยงและประตูเริ่มเปิดออก เมื่อประตูเปิดกว้างพอแล้ว ให้หยุดดึงที่จับซึ่งเป็นการหยุดประตูไม่ให้เปิดกว้างมากกว่านั้น
เมื่อลงจากรถพวกเขาสามารถปิดประตูได้โดยอัตโนมัติโดยกดปุ่มที่มือจับประตูด้านนอก หากต้องการปิดประตูด้วยตนเองก็สามารถทำได้ด้วยการช่วยเหลือจากไฟฟ้าอีกเช่นเคย เซ็นเซอร์ตามแนวยาวและตามขวางในตัวรถ ตลอดจนเซ็นเซอร์ G-force ที่ติดอยู่ที่ประตูแต่ละบานจะช่วยให้การเปิด-ปิดประตูทำงานได้เร็วเท่ากัน ไม่ว่ารถจะจอดอยู่บนเนินหรือมุมถนนในซอยแคบก็ตาม
ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร
New Ghost ติดตั้งระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร (Micro-Environment Purification System หรือ MEPS) เทคโนโลยีการกรองอากาศที่มีอยู่ของแบรนด์ได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้นแบบครบวงจร เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งปนเปื้อนที่มีความไวสูงถูกนำมาใช้วัดคุณภาพอากาศโดยรอบและจะเปลี่ยนโหมดการทำงานโดยอัตโนมัติจากโหมดรับอากาศภายนอกเป็นโหมดหมุนเวียนอากาศภายใน (Recirculation Mode) หากพบว่าระดับของการปนเปื้อนในอากาศสูงเกินไป ระบบนี้จะผันอากาศทั้งหมดในห้องโดยสารไปที่ตัวกรองนาโนฟลีซ ซึ่งสามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนอนุภาคขนาดเล็กพิเศษออกจากห้องโดยสารของ Rolls-Royce ได้เกือบทั้งหมด ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที
ยนตรกรรม Rolls-Royce ที่ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีที่สุด
New Ghost มีความสมบูรณ์แบบในความเรียบง่าย แต่การสร้างสภาพแวดล้อมในห้องโดยสารที่บริสุทธิ์และปลอดสารพิษนี้เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ อันที่จริง New Ghost เป็นรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่สุดที่ Rolls-Royce เคยผลิตมา ได้แก่ ไฟหน้า LED และเลเซอร์ที่มีระยะส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร ระบบเสริมทัศนวิสัย รวมถึงระบบแจ้งเตือนให้ระวังสัตว์ป่า และคนเดินเท้าในเวลากลางวัน และกลางคืน, ระบบกระตุ้นผู้ขับ (Alertness Assistant), ระบบกล้อง 4 ตัวพร้อมมุมมองแบบพาโนรามา มุมมองแบบรอบตัวรถและมุมมองแบบเฮลิคอปเตอร์, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนก่อนการชน, ระบบเตือนการจราจรด้านหลังขณะถอยรถ, ระบบเตือนเมื่อออก และเปลี่ยนเลน, จอแสดงผลบนหน้ากระจก (Head-up Display) ความละเอียดสูง 7×3 นิ้วที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์, ไว-ไฟ ฮอตสปอต, ระบบจอดด้วยตนเอง และระบบนำทางและความบันเทิงล่าสุด
การออกแบบภายนอก
นับตั้งแต่การเปิดตัวยนตรกรรม Rolls-Royce Goodwood รุ่นแรก บริษัทมีความพิถีพิถันในการสร้างจักรวาลแห่งสุนทรียภาพที่โดดเด่นให้กับยนตรกรรมแต่ละคัน แต่ละจักรวาลที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามค่านิยมการออกแบบที่ลูกค้า Rolls-Royce แต่ละกลุ่มชื่นชอบ โดย New Ghost สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ถึงความหรูหราที่เปลี่ยนไป โดยหัวใจอยู่ที่ความเรียบง่ายและบริสุทธิ์ แต่มีรากฐานมาจากคุณค่าภายในที่ยิ่งใหญ่ แนวคิดดังกล่าวชื่อว่า “Post Opulence” ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนการร่างแผนการออกแบบ New Ghost เสียด้วยซ้ำ นิยามของแนวคิดด้านการออกแบบนี้คือการเน้นสาระสำคัญที่เป็นแก่นแท้ของวัสดุมากกว่าจะเป็นการแสดงออกที่อวดโอ้เกินจริงที่ฝังรากอยู่ในแวดวงสถาปัตยกรรม แฟชั่น เครื่องประดับ กระทั่งการออกแบบเรือ
การแสวงหาความสวยงามแบบเรียบง่ายสำหรับ New Ghost คือเป้าหมายสูงสุดของทีมออกแบบตลอดกระบวนการรังสรรค์ แนวทางแบบนี้หาใช่แนวทางที่จืดชืด หากแต่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในความบริสุทธิ์และความเป็น Rolls-Royce อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ความประทับใจแรกที่ได้เห็นยนตรกรรม สถาปัตยกรรมที่เป็นสิทธิบัตรของโรลส์-รอยซ์ช่วยให้ทีมออกแบบสามารถเพิ่มความกว้างของตัวรถได้ 30 มม. เพื่อแสดงออกถึงตัวตนได้อย่างแนบเนียน โครงตัวถังที่โค้งดั่งคันธนูลงมาจรดกับไฟแบบเหลี่ยมซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ Rolls-Royce ทำให้หน้ารถดูแข็งกร้าวแต่งดงาม
นอกจากนี้หน้ารถของ New Ghost ยังดูงดงามราวต้องมนต์ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากการออกแบบที่โจ่งแจ้ง แต่เป็นเพราะแสงไฟ LED 20 ดวงที่อยู่ซ่อนอยู่ตรงส่วนบนของกระจังหน้าช่วยส่องแสงให้รายละเอียดปรากฏชัด ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนายนตรกรรมต้นแบบในช่วงแรกนั้นยังมีเอฟเฟ็กต์ที่ดูมากเกิน แสงที่สะท้อนออกมาจากกระจังหน้าขัดเงาดูเข้มไป ดังนั้น ด้วยจิตวิญญาณแห่งสุนทรียศาสตร์แบบ Post Opulence ทีมวิศวกรของแบรนด์ได้ตบแต่งด้านหลังของแถบกระจังโลหะ เพื่อลดการสะท้อนแสง ทำให้เอฟเฟ็กต์อ่อนลง และได้แสงที่นุ่มนวลตามที่ต้องการ
ด้านหน้าของ New Ghost แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในการลดทอนสิ่งไม่จำเป็นของทีมออกแบบ ตัวถังอลูมิเนียมที่เชื่อมด้วยมือทำให้โครงสร้างหลักของรถดูราวกับว่าเป็นผืนผ้าใบที่ลื่นไหลเต็มผืนโดยไม่สะดุดด้วยช่องว่างระหว่างชิ้นส่วน ทำให้นึกถึงรถ Coachbuild เช่น Silver Dawn และ Silver Cloud และนี่เป็นครั้งแรกที่สัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy ไม่ได้ถูกล้อมรอบด้วยเส้นขอบฐาน ทำให้รูปปั้นปรากฏกายอย่างโดดเด่นบนฝากระโปรง ดุจยืนอยู่กลาง “ทะเลสาบ”
เมื่อมองจากด้านข้างของตัวรถ จะเห็นลายเส้นเดี่ยวหนึ่งเส้นที่ลากยาวไปตามตัวรถเพื่อเน้นให้เห็นความยาว เส้นโค้ง Waft Line ด้านล่างถูกหยิบยืมมาจากการออกแบบเรือ และใช้การสะท้อนแสงเพื่อทำให้พื้นผิวดูสว่างขึ้น สร้างความรู้สึกที่บริสุทธิ์ และการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล
สำหรับการออกแบบ Glasshouse ซึ่งหมายรวมถึงกระจกหน้า, กระจกหลัง, หน้าต่างรถ, เสา และหลังคา เจตนาให้มีความสมดุล ประตูทั้งส่วนของคนขับ และผู้โดยสารด้านหลังจะได้รับสัดส่วนของหน้าต่างที่เท่ากัน แสดงให้เห็นว่า New Ghost ต้องการให้เกิดความสมดุลทั้งในฐานะยนตรกรรมสำหรับให้พนักงานขับและยนตรกรรมที่เจ้าของขับเอง แนวหลังคาโค้งอย่างประณีตบ่งบอกถึงเจตจำนงอันทรงพลัง ส่วนท้ายรถสานต่อความรู้สึกของการเคลื่อนไหวนี้ และจบด้วยแนวเส้นที่ลาดลงในที่สุด
รูปทรงของไฟท้ายที่แทบจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้กลายเป็นหลักของการออกแบบร่วมสมัยของ Rolls-Royce ซึ่งรูปทรงนี้ยังคงอยู่ แต่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยด้วยการเอียงมาข้างหน้าเล็กน้อย และเนื่องจากรอยต่อรอบไฟได้หายไป จึงทำให้ไฟท้ายดูเหมือนเป็นเกาะที่ได้รับการแต่งแต้มสี ลอยเด่นอยู่บนผิวรถ
การออกแบบภายใน
ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบการบริโภคสินค้าหรูหราที่เปลี่ยนไปของลูกค้า และมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับแนวทางการออกแบบที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้แบรนด์ทราบว่าการตกแต่งภายในยนตรกรรมควรหันมาใช้รูปแบบที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับภายนอกตัวรถ รายละเอียดที่ยุ่งเหยิงและการตกแต่งแบบผิวเผินถูกตัดออก ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ยนตรกรรมกลายเป็นเสมือนสถานที่ปลีกวิเวกที่ให้ความผ่อนคลายมากขึ้น แต่ยังเพื่อให้สามารถชื่นชมแก่นแท้ของวัสดุให้มากขึ้น และเพิ่มความเด่นของสีรถแบบ Bespoke ที่เข้ากับลูกค้าแต่ละคน
อย่างไรก็ตามการสร้างสภาพแวดล้อมภายในยนตรกรรมที่ถูกนิยามด้วยการลดทอน เน้นความเรียบง่าย และความสง่างาม ถือเป็นความพยายามที่ยากยิ่ง และต้องจัดหาวัสดุที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหนัง ไม้ และโลหะ ซึ่งไม่มีทางรอดพ้นสายตาของลูกค้าที่มีความรู้กลุ่มนี้ไปได้หากไม่ได้รับการตกแต่งให้สวยงาม ดังนั้นหนังสัตว์ครึ่งแผ่นทั้งหมด 20 ชิ้น ที่นำมาใช้ในการตกแต่งภายในของ New Ghost จะถูกควบคุมคุณภาพอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่ทำกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิวหุ้มหนังทั้งหมด 338 จุด ไม่ว่าจะอยู่ในที่ลับสายตามากแค่ไหนจะมีคุณภาพดีที่สุด การทำเช่นนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถของแบรนด์เรื่องงานเครื่องหนัง ส่วนงานปักที่ซับซ้อนและยุ่งเหยิงได้ถูกตัดออก แล้วแทนที่ด้วยฝีเย็บเส้นเดี่ยวบางๆ แต่ยาวอย่างไม่น่าเชื่อและตรงอย่างสมบูรณ์แบบ และแน่นอนว่าพร้อมเผชิญการทดสอบด้วยสายตาลูกค้าของแบรนด์อีกครั้ง
ชุดไม้สำหรับ New Ghost เป็นแบบเปิดผิวไม้ที่เผยให้เห็นวัสดุอันเปลือยเปล่าอย่างไม่เหนียมอาย แท้จริงแล้วมีการพัฒนาสีเคลือบ 2 สีใหม่โดยเฉพาะ สีแรกชื่อว่า Obsidian Ayous ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความหลากหลายของสีที่พบในหินลาวา สีที่สอง Dark Amber ซึ่งมอบเสน่ห์เย้ายวนให้กับชุดห้องโดยสาร ด้วยการผสานแนวเส้นของอนุภาคอลูมิเนียมละเอียดเข้ากับไม้สีเข้ม การเคลือบหนังก็เช่นเดียวกัน ผิววัสดุจะถูกเผยให้เห็นได้ชัดเจน แผ่นหนังจะเป็นแผ่นยาวแผ่นเดียว และจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้วยช่องระบายอากาศที่ทำจากโลหะแท้เพียงเท่านั้น และช่องระบายเหล่านี้เอง เป็นจุดที่อากาศจากระบบฟอกอากาศ MEPS จะผ่านเข้ามา
Bespoke แผงหน้าปัดเรืองแสง ‘Illuminated Fascia’
ทีมออกแบบ Bespoke Collective ที่ประกอบด้วยนักออกแบบ วิศวกร และช่างศิลป์ได้สร้างแผงหน้าปัดเรืองแสง ‘Illuminated Fascia’ สำหรับ New Ghost ซึ่งเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกของโลกที่สอดคล้องไปกับเพดานห้องโดยสาร Starlight Headliner ที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์เฉพาะตัวของ Rolls-Royce เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy แผงกระจังหน้าทรงแพนธีออน และโมโนแกรมตัว “R” คู่
หลังจากใช้เวลาพัฒนากว่า 10,000 ชั่วโมง ตลอด 2 ปี แผงหน้าปัด Illuminated Fascia ที่มาพร้อมชื่อยนตรกรรม Ghost แบบเรืองแสง รายล้อมด้วยดาวมากกว่า 850 ดวง ก็ถูกนำมาประดับไว้ภายในห้องโดยสารของ New Ghost กลุ่มดาว และข้อความบริเวณแผงหน้าปัดจะถูกซ่อนจนแทบมองไม่เห็นเมื่อเครื่องยนต์ดับอยู่
เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบ Post Opulent ของ New Ghost ทีมออกแบบ Bespoke Collective เลือกที่จะไม่ใช้หน้าจอแบบปกติเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์ที่น่าหลงใหลนี้ ในทางกลับกันพวกเขาสร้างนวัตกรรมขึ้นใหม่อันเป็นแก่นแท้ของความหรูหราและซับซ้อนอย่างแท้จริง การเรืองแสงเป็นผลมาจากการติดไฟ LED 152 ดวงไว้ทั้งด้านบนและด้านล่างของแผงหน้าปัด สีที่นำมาใช้ได้รับการเลือกอย่างพิถีพิถันให้เข้ากับนาฬิกาของห้องโดยสารและไฟที่หน้าปัดบอกข้อมูลการขับขี่ และเพื่อให้แน่ใจว่าข้อความ Ghost จะสว่างสม่ำเสมอเท่ากันหมด มีการสลักจุดกว่า 90,000 จุดลงบนพื้นผิวของเส้นนำแสงความหนา 2 มิลลิเมตร เพื่อช่วยให้แสงกระจายตัวได้ทั่วถึงกัน พร้อมกับสร้างเอฟเฟ็กต์ที่ระยิบระยับเมื่อทอดสายตาผ่านแผงหน้าปัด เข้ากับประกายที่นุ่มนวลของเพดาน Starlight Headliner
งานวิศวกรรมขนานใหญ่ถูกนำมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าแผงหน้าปัด Illuminated Fascia จะไม่มีทางมองเห็นได้เลยในขณะที่ยังไม่ได้เดินเครื่องยนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ทีมวิศวกรได้ใช้วัสดุคอมโพสิต 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นผิวสีดำ Piano Black ซึ่งฉลุด้วยเลเซอร์เพื่อลบสีดำออกบางส่วนและปล่อยให้แสงส่องผ่านคำว่า Ghost และกลุ่มดาว พื้นผิวนี้ถูกทับด้วยชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นแล็คเกอร์สีเข้ม เข้ามาช่วยซ่อนตัวอักษรเอาไว้เมื่อยังไม่ติดเครื่องยนต์ ชั้นสุดท้ายถูกทาทับด้วยแลคเกอร์ในเฉดสีที่กลมกลืน และขัดด้วยมือเพื่อให้ได้ผิวเคลือบหนา 0.5 มิลลิเมตรที่มีความมันเงาเสมอกัน และสอดคล้องกับการตกแต่งในส่วนอื่นของตัวรถที่เน้นบางจุดให้เด่นขึ้นด้วยเทคนิคไฮกลอส
สำหรับประเทศไทยต้องติดตามรอกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจากโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้นำเข้า-จำหน่ายรถยนต์ Rolls-Royce แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้บริษัทมาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือเอ็มจีซี-เอเชีย โดยคาดว่าจะเป็นในช่วงต้นปี 2021
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: press.rolls-roycemotorcars.com
Comments are closed.