PORSCHE PANAMERA ปรับโฉมล่าสุดเน้นเพิ่มสมรรถนะ
หลังจาก Panamera เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งมีชื่อรหัส 971 ถูกเปิดตัวมากว่า 4 ปีตั้งแต่ปี 2016 จึงถึงเวลาที่ทาง Porsche จะปรับโฉมครั้งใหญ่ให้กับรถซีดานสมรรถนะสูงของตนเพียงแต่ว่า สิ่งที่มาพร้อมกับการปรับโฉมไม่ได้เน้นไปที่ภายนอกนัก แต่อยู่ที่การเพิ่มสมรรถนะของรถในบางรุ่น พร้อมกับตัดบางรุ่นออกแทนที่ด้วยรุ่นสมรรถนะสูงขึ้น
จากที่ก่อนหน้านี้ Porsche Panamera มีรุ่นเทอร์โบเป็นทางเลือกสมรรถนะสูงสุดจากเครื่องยนต์ปกติ ตอนนี้จะกลายเป็นรุ่น Turbo S แทน โดยที่เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบใน Panamera Turbo S มีกำลังสูงสุด 630 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 820 นิวิตัน-เมตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นเทอร์โบถึง 80 แรงม้า และ 50 นิวตัน-เมตร ขณะที่การทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ของรถอยู่ที่ 3.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 315 กม./ชม. และส่าสุดทาง Porsche เพิ่งนำ Panamera Turbo S ไปสร้างสถิติใหม่ที่ Nurburgring Nordschleife ประเภทรถ Executive Car
ในส่วนของรุ่นปลั๊กอินไฮบริด ตอนนี้ Panamera จะมี 4S E-Hybrid เข้ามา โดยใช้เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ 440 แรงม้า ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่รวมกับเกียร์ PDK 8 สปีดซึ่งสร้างกำลังออกมาได้ 136 แรงม้า ทำให้มีกำลังรวม 560 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร ใช้เวลา 3.7 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ส่วนความเร็วสูงสุดไปถึง 298 กม./ชม. โดยหากชาร์จแบตเตอรี 17.9 kWh ของรถจนเต็มจะเดินทางโดยไม่ปล่อยมลพิษได้ 54 กิโลเมตร
นอกจากรุ่นใหม่ที่มีกำลังขับเคลื่อนมากขึ้นแทนรุ่นเดิมแล้ว ทาง Porsche ยังมีการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบในรุ่น GTS จนมีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 480 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตรด้วย ขณะที่ Panamera และ Panamera 4 ใหม่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 330 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
Porsche ยังบอกว่า Panamera ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ยังมาพร้อมกับประสบการณ์การขับที่ดีขึ้นจากทั้งแชสซีส์และระบบควบคุมที่ได้รับการอัพเกรดให้รถมีทั้งความสปอร์ตและความสบายเพิ่มขึ้น พร้อมกับมีการปรับช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management ใหม่ที่ให้ความสบายจากการกันสะเทือนที่ดีขึ้น ในขณะที่ระบบควบคุมสเถียรภาพของรถแบบอีเล็กทรอนิกจะช่วยให้รถมีความมั่นคงขึ้น
หากจะมองหาความเปลี่ยนแปลงที่ภายนอก Panamera ซึ่งมีทั้งตัวถังซีดาน, Sport Turismo และ Excutive หรือฐานล้อยาวจะมาพร้อมกับ SportDesign Package เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากที่เคยเป็นออฟชั่นให้เลือกก่อนหน้านี้ นอกจากนี้รุ่น Turbo S จะมีกันชนหน้าที่สปอร์ตขึ้นและช่องดักอากาศขนาดใหญ่ รวมไปถึงมีไฟซิกเนเจอร์เฉพาะ ส่วนรุ่น GTS มาพร้อมกับไฟท้ายดำ นอกจากนี้ด้านหลัง Panamera จะมาพร้อมกับแถบไฟ LED เต็มความกว้างของรถระหว่างไฟท้ายดีไซน์ใหม่ รวมทั้งยังมีล้อขนาด 20 หรือ 21 นิ้วให้เลือกรวม 10 แบบ
ภายในห้องโดยสารของ Panamera ที่ได้รับการปรับโฉมไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยจะมาพร้อมกับพวงมาลัยสปอร์ตพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ แต่รุ่น Turbo S จะเป็นพวงมาลัย GT Sport นอกจากนี้ทุกรุ่นยังมีจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบนำทางและไว-ไฟ ฮอตสปอตมาให้ใช้ เช่นเดียวกับระบบเสียงของ Bose และเบาะปรับไฟฟ้า
ในส่วนของระบบช่วยขับมีทั้งระบบช่วยให้รถอยู่ในเลน และระบบจดจำสัญญาณจราจรเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่ระบบช่วยตือนเมื่อเปลี่ยนเลน, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, Porsche InnoDrive พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอแดปทีฟ, ระบบ Night Vision Assist และ Head-up Display จะเป็นอุปกรณ์เสริมให้เลือก
Porsche เริ่มขาย Panamera ใหม่ทันทีในยุโรป แต่จะส่งรถไปตามดีลเลอร์ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมโดยมีราคาเริ่มต้น 91,345 ยูโรในรุ่นพื้นฐานขับเคลื่อนล้อหลัง, 95,289 ในรุ่น Panamera 4, 126,841 สำหรับ 4S E Hybrid, 136,933 สำหรับ GTS และ 179,737 กับ Turbo S
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.