iPhone 11 ชิพเซ็ตใหม่ A13 พลังสร้างสรรค์แห่งยุคใหม่
เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันแล้วกับสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังอย่าง iPhone ที่เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ ที่ตอนนี้มาถึงยุคที่ไอโฟนขยับตัวด้านฟีเจอร์การใช้งานให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้มากขึ้น ใช้ชิพเซ็ตตัวใหม่ A13 กล้องหลัง 3 ตัว (มาช้ากว่าคู่แข่ง แต่คุณภาพเด็ดไม่แพ้ใคร) โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $699 ซึ่งมีราคาเริ่มต้นในไทยอย่างเป็นทางการแล้วที่ 24,900 บาท ถือว่าเปิดราคามาถูกกว่าปีที่แล้วถึง 5,000 บาท และยังเปิดตัวบริการทีวีสตรีมมิ่ง Apple TV+ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่อื่นๆ อีกด้วย ตามสไตล์แอปเปิ้ล
สำหรับ iPhone 11 มี 3 รุ่น คือ iPhone 11 รุ่นธรรมดา มีกล้องหลังสองตัว พร้อมไมโครชิพรุ่นใหม่ A13 ราคาเริ่มต้น $699, iPhone 11 Pro กล้องหลังสามตัวที่ทำงานร่วมกันได้ทั้งถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวีดีโอ หากกำลังถ่ายภาพนิ่งแล้วต้องการถ่ายวีดีโอ เพียงกดปุ่มถ่ายภาพค้างเอาไว้กล้องจะปรับโหมดเป็นถ่ายวีดีโอในทันที มีราคาเริ่มต้น $999 และรุ่นท๊อป iPhone 11 Pro Max ที่มีหน้าจอใหญ่กว่าสองรุ่นแรกและมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบเครื่อง มีราคา $1,099 (รุ่นเริ่มต้นความจุ 64GB)
โดยที่มีราคาในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว เริ่มต้นที่ 24,900 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่าเดิมถึง 5,000 บาท (iPhone XR เปิดราคา 29,900 บาท) และเริ่มให้สั่งจองได้ในวันศุกร์นี้ พร้อมทั้งทยอยส่งมอบในวันที่ 20 กันยายนเป็นต้นไป
ข้อมูลทางเทคนิค iPhone 11
-ระบบปฏิบัติการ : iOS13
-ด้านความจุมีให้เลือก 3 ขนาด คือ 64GB, 256GB และ 512GB
-จอภาพ iPhone 11 Pro มีขนาด 5.8 นิ้ว ส่วน iPhone 11 Pro Max มีขนาด 6.5 นิ้ว (แนวทแยง) จอภาพ Super Retina XDR และจอภาพ Multi-Touch แบบ OLED ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล ที่ 458 ppi ที่เคลือบสารกันรอยนิ้วมือเอาไว้ด้วย
-รองรับการทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529
-ชิพประมวลผลรุ่นใหม่ A13 Bionic Neural Engine รุ่นที่ 3
-กล้อง สามกล้องแบบอัลตร้าไวด์, ไวด์ และเทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP
อัลตร้าไวด์ : รูรับแสงขนาด f/2.4 และมุมมองภาพ 120 องศา
ไวด์ : รูรับแสงขนาด f/1.8
เทเลโฟโต้ : รูรับแสงขนาด f/2.0
ซูมเข้าแบบออปติคอล 2 เท่า ซูมออกแบบออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิตอบได้สูงสุด 10 เท่า
โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้และการควบคุมระยะชัดลึก
การจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ (แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ และแสงไฟขาวดำไฮคีย์)
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบออปติคอล (ไวด์และเทเลโฟโต้)
ชุดเลนส์ 5 ชิ้น (อัลตร้าไวด์) และชุดเลนส์ 6 ชิ้น (ไวด์และเทเลโฟโต้)
แฟลช True Tone ที่สว่างยิ่งขึ้นพร้อมคุณสมบัติสโลว์ซิงค์
พาโนรามา (สูงสุด 63MP)
Focus Pixels 100% (ไวด์)
โหมดกลางคืน
การปรับภาพแบบอัตโนมัติ
HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไปสำหรับภาพถ่าย
บันทึกภาพถ่ายและ live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง
การแก้ไขตาแดงขึ้นสูง
แนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งในภาพถ่าย
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ
โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง
รูปแบบไฟล์ภาพที่บันทึก HEIF และ JPEG
-การบันทึกวีดีโอ
บันทึกวีดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps
บันทึกวีดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
บันทึกวีดีโอระดับ HD 720p ที่ 30 fps
ช่วงไดนามิกกว้างขึ้น สำหรับวีดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 60 fps
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลสำหรับวีดีโอ (ไวด์และเทเลโฟโต้)
ซูมเข้าออกแบบออปติคอล 2 เท่า ซูมออกแบบออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิตอบได้สูงสุด 6 เท่า
การซูมเสียงตามระยะของกล้อง
แฟลช True Tone ที่สว่างยิ่งขึ้น
วีดีดอ QuickTake และการติดตามสิ่งที่ถ่าย
รองรับวีดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps
วีดีโอไทม์แลปส์ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว
ระบบป้องกันภาพวีดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (4K, 1080p และ 720p)
วีดีโอออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่อง
ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8MP ขณะบันทึกวีดีโอระดับ 4K
ซูมขณะเล่น
รูปแบบไฟล์วีดีโอที่บันทึก HEVC และ H.264
บันทึกเสียงสเตอริโอ
-กล้อง TrueDepth
กล้องความละเอียด 12MP
รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริงและการควบคุมระยะชัดลึก
การจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ (แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ, แสงไฟขาวดำไฮคีย์)
Animoji และ Memoji
บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps
บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
รองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps
HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไปสำหรับภาพถ่าย
ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมที่ 30 fps
ระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (4K, 1080p และ 720p)
บันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง
Retina Flash
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ
โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง
– Face ID
เปิดใช้งานด้วยกล้อง TrueDepth เพื่อการรู้จำใบหน้า
-การเล่นวิดีโอ
รูปแบบไฟล์วิดีโอที่รองรับ: HEVC, H.264, MPEG-4 Part 2 และ Motion JPEG
การรองรับ HDR กับคอนเทนต์ Dolby Vision และ HDR10
การสะท้อนหน้าจอ AirPlay การแสดงผลรูปภาพและวิดีโอไปยัง Apple TV (รุ่นที่ 2 หรือใหม่กว่า)
การรองรับการสะท้อนวิดีโอและการส่งสัญญาณภาพ: สูงสุด 1080p ผ่านอะแดปเตอร์ Digital AV
แบบ Lightning และอะแดปเตอร์ Lightning เป็น VGA (อะแดปเตอร์จำหน่ายแยกต่างหาก)
–พลังงานและแบตเตอรี่
iPhone 11 Pro
ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS สูงสุด 4 ชั่วโมง
การเล่นวิดีโอ:สูงสุด 18 ชั่วโมง
การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม):สูงสุด 11 ชั่วโมง
การเล่นเสียง:สูงสุด 65 ชั่วโมง
อะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ ที่มีมาให้
iPhone 11 Pro Max
ใช้งานได้นานกว่า iPhone XS Max สูงสุด 5 ชั่วโมง
การเล่นวิดีโอ:สูงสุด 20 ชั่วโมง
การเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม):สูงสุด 12 ชั่วโมง
การเล่นเสียง:สูงสุด 80 ชั่วโมง
อะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ ที่มีมาให้
สำหรับทั้งสองรุ่นใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่อง, ชาร์จแบบไร้สาย (ใช้ร่วมกับเครื่องชาร์จ Qi), ชาร์จจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB หรือจากอะแดปเตอร์แปลงไฟ, ความสามารถในการชาร์จเร็วชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ หรือสูงกว่า
-ในกล่องมีอะไรบ้าง iPhone พร้อม iOS 13, EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning, สาย USB‑C เป็น Lightning, อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB‑C ขนาด 18 วัตต์ และเอกสารคู่มือ
นอกจากเปิดตัว iPhone 11 แล้วยังเปิดตัวบริการทีวีสตรีมมิ่ง Apple TV+ ที่มีค่าสมาชิกเดือนละ 5 ดอลลาร์ ถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Netflix และ Disney+ และยังมีบริการเกมออนไลน์แบบใหม่ Apple Arcade ซึ่งจะเปิดให้บริการในมากกว่า 100 ประเทศ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนลูกค้าที่ซื้อไอโฟน ไอแพด หรือคอมพิวเตอร์ตระกูลแม็ค จะได้เป็นสมาชิก Apple TV+ ฟรีหนึ่งปี รวมทั้งเปิดตัวApple Watch Series 5 และไอแพดรุ่นใหม่หน้าจอ 10.2 นิ้ว
เอาเป็นว่าถึง iPhone 11 จะเพิ่งทำกล้องหลังสามตัว ตามหลังฝั่งเกาหลีและจีนอย่างซัมซุงและหัวเว่ย ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่แค่การเพิ่มกล้อง มันเป็นรูปแบบการใช้งานกล้องที่ถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอที่มีลูกเล่นมากขึ้น และเหมาะกับคนที่ทำสื่อในยุคออนไลน์มากขึ้นอีกด้วย ดีไซน์กล้องหลังอาจจะดูแปลกๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปถึงกล้องวีดีโอ (ฟิล์ม) แบบขนาด 8มม. หรือ 16มม. ที่มีเลนส์ให้ปรับมุมภาพได้ 3 ระบะ จะคุ้นๆ ตากับการวางรูปแบบกล้องของเจ้า iPhone 11 ใหม่นี้อย่างแน่นอน เอาเป็นว่าใครสะดวกแบบไหนเลือกใช้แบบนั้น โลกของเทคโนโลยีนี่มันสนุกจริงๆ
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.