Ferrari F8 Tributo Thailand Track Drive Experience 2020
ชัยชนะในสนามแข่งเป็นการตัดสินม้าแข่งพันธ์ดีอย่างยุติธรรมที่สุด และหากต้องการสัมผัสสมรรถนะที่แท้จริงของ “ม้าลำพอง” Ferrari เครื่องยนต์ V8 ที่ทรงพลังที่สุด คงไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมเท่ากับในสนามแข่ง…
ในช่วงบ่ายของเดือนกุมภาพันธ์ แสงแดดร้อนระอุกำลังแผดพื้นผิวแทร็คของพีระ เซอร์กิต สนามแข่งรถระดับตำนานของประเทศไทย เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V8 ค่อยชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ Ferrari F8 Tributo โทนสีเทา Argento Nurburgring จะลดความเร็วลงเพื่อเข้าจอดในพิตต์เลน
หลังจากรอเพื่อนนักข่าวที่ขับในรอบก่อนลงมาเก็บภาพเป็นที่ระลึก และทักทายสอบถามความรู้สึกในการขับกันอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเวลาที่ทีมงาน Grand Prix Online จะได้เข้ามาอยู่ใน F8 Tributo ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยคุณกรัณฑ์ ศุภพงษ์ นักแข่งรถมากประสบการณ์ที่คว้าแชมป์มากมายทั้งใน-นอกประเทศ รับหน้าที่อินสตรักเตอร์คอยให้คำแนะนำ
ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เป็นความพิถีพิถันของทีมออกแบบ Ferrari Styling Centre ถึงจะปรับดีไซน์ของแผงหน้าจอแสดงข้อมูล, แผงประตูด้านข้าง และคอนโซลกลาง แต่ยังคงรักษาความคลาสสิกของพื้นที่ผู้ขับขี่ (Cockpit) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับโมเดลเครื่องยนต์วางกลางสไตล์ Berlinetta (Sport Coupe 2 ที่นั่ง) รวมทั้งการเพิ่มปุ่มควบคุมบริเวณพวงมาลัยที่เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของค่ายนี้
สำหรับ F8 Tributo คันที่ Cavallino Motors ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เตรียมมาให้ทดสอบจะติดตั้งเบาะนั่ง Standard จากที่มีให้เลือกทั้งหมด 6 แบบ ตบแต่งสีน้ำตาล Cuoio และหน้าจอแสดงรอบเครื่องยนต์ตรงกลางเป็นสีเหลืองจากที่มีทั้งหมด 5 โทนสี
ดีไซน์ภายนอก F8 Tributo ที่มีความหมายว่า “สรรเสริญ” ในภาษาอิตาเลี่ยน (Tribute ในภาษาอังกฤษ) เพื่อยกย่องความยิ่งของเครื่องยนต์ V8 ที่มีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และทีมออกแบบ Ferrari Styling Centre ยังต้องการใช้โมเดลนี้เป็นสะพานเชื่อมสู่ภาษาในการออกแบบยุคใหม่ ด้วยการใส่คาแร็กเตอร์ที่แข็งแกร่ง เพิ่มดีไซน์ที่มีความสปอร์ตมากขึ้นผสมผสานการพัฒนาแอโรไดนามิกที่ล้ำสมัย จนกลายเป็นความลงตัวที่เรียบง่าย แต่แฝงด้วยประสิทธิภาพในการขับ
ด้านหน้าเสริมความโดดเด่นด้วยช่องดักอากาศตรงกลาง S-Duct ที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อลดแรงเสียดทานอากาศจนทำให้เหตุผลที่ชุดไฟหน้า LED รูปทรงตัว L แบบย้อนยุคไม่ได้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่มีความเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของอากาศที่ปะทะกับรถ รวมถึงออกแบบให้ช่องดักอากาศด้านข้างกลมกลืนเข้ากับชุดกันชนหน้าต่อเนื่องไปสู่ด้านข้างที่ขนาดซุ้มล้อหน้า-หลังที่มีขนาดใหญ่ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่ง เสริมด้วยช่องทางเดินของกระแสลมสู่ Splitter ด้านข้างสีดำ
ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังเพื่อเป็นการคารวะตำนานขุมกำลัง Ferrari V8 เลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบาโพลีคาร์บอเนตที่มีน้ำหนักเบาของ Lexan โดยอาศัยแรงบันดาลใจจาก F40 มาปรับเปลี่ยนเพิ่มช่องระบายความร้อนเป็นเหมือนเส้นตรงแนวนอน 3 เส้นพาดตรงกลาง แสดงให้เห็นว่าทีมงานจากมาราเนลโล่ ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบว่าต้องมีประโยชน์ต่อการใช้งาน ไม่ได้เพียงเพื่อต้องการโชว์ความสวยงามของเครื่องยนต์เท่านั้น
ด้านท้ายของ F8 Tributo แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในแนวทางการออกแบบของ Ferrari อย่างชัดเจน โดยสปอย์เลอร์จะมีขนาดใหญ่ออกแบบให้เหมือนห่อหุ้มไฟท้ายคู่ที่เป็นการกลับสู่อีกหนึ่งความคลาสสิก รวมทั้งช่วยเพิ่มจุดศูนย์ถ่วง (Centre of Gravity) ให้รถมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนดียิ่งขึ้น ด้านท้ายสีเดียวกับตัวรถเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของโมเดล Berlinetta 8 สูบเหมือนกับ 308 GTB ที่ถูกยกให้เป็นตำนาน
หลังจากรับรู้ความพิเศษของ Ferrari F8 Tributo เป็นที่เรียบร้อย คุณกรัณฑ์ อินสตรักเตอร์จะขับให้นั่ง 1 รอบ เพื่อให้สัมผัสสมรรถนะที่แท้จริง และอธิบายรูปแบบสนาม ก่อนจะสลับให้ทีมงาน Grand Prix Online มีโอกาสควบคุมเจ้าม้าลำพองขุมกำลัง V8 ตามที่ใจต้องการเป็นเวลา 30 นาที
เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 3.9 ลิตรที่มีกำลังสูงสุด 720 แรงม้า และแรงบิดที่มหาศาลถึง 770 นิวตันเมตรของ F8 Tributo ในช่วง 2-3 รอบแรก จะเป็นการขับในโหมด Sport ที่เป็นขั้นพื้นฐานของ Ferrari ทุกรุ่นในปัจจุบัน และความรู้สึกไม่ได้แตกต่างจาก “ม้าลำพอง” คันอื่นๆ ที่เคยขับมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการควบคุมพร้อมความเร้าใจในการขับที่ขอข้ามไปพูดถึงอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลา 7.8 วินาที จะเห็นความพยศของโมเดลนี้ได้ชัดเจนมากกว่า
ประสิทธิภาพโดยรวมของ F8 Tributo ก้าวล้ำกว่า 488 GTB โมเดลเครื่องยนต์ V8 รุ่นก่อนหน้าในหลายด้าน ทั้งกำลังที่เพิ่มขึ้น 59 แรงม้า, น้ำหนักรวมของรถลดลง 40 กิโลกรัม และแอโรไดนามิกที่ดีขึ้น ทำให้ควบคุมได้ง่ายถึงจะขับด้วยความเร็วสูงในสนามแข่งก็ตาม โดยส่วนสำคัญอีกอย่างเป็นการลดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของพวงมาลัยทำให้จับถนัดมือมากขึ้น รวมทั้งติดตั้งระบบ Ferrari Dynamic Enhancer Plus ที่ได้รับการพัฒนาใหม่เพื่อทำงานร่วมกับ Side Slip angle Control (SSC) เวอร์ชั่น 6.1 ที่จะช่วยหาจุดสมดุลระหว่างแรงบิด และการกระจายน้ำหนักสู่ล้อทั้ง 2 ข้าง
พอจะเริ่มคุ้นเคย คุณกรัณฑ์ หันมาบอกให้เลื่อน Manettino ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่ติดตั้งอยู่มุมขวาของพวงมาลัยให้เข้าสู่ Race เพื่อสัมผัสความแตกต่างจากที่เหมือนขับใช้งานในชีวิตประจำวันบนถนนปกติมาสวมวิญญาณนักแข่งที่แท้จริงให้คู่ควรกับการขับในพีระ เซอร์กิต
การขับใน Race Mode ระดับความสนุกเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยอัตราเร่งที่เหมือนม้าแข่งพร้อมกระโจนออกจากคอกตลอดเวลา รวมทั้งระบบช่วงล่างที่ตอบสนองได้ดีกว่าเดิม ทำให้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของการดีไซน์แอโรไดนามิกส์ของ F8 Tributo
นอกจากนี้ระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่าง Adaptive Performance Launch ที่จะปรับแรงบิดให้เหมาะสมกับระดับการยึดเกาะถนนด้วยอิเล็คทรอนิกส์ลดการลื่นไถลของล้อให้น้อยที่สุดทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วขึ้น และระบบ Ferrari Variable Torque Management ที่ได้รับการพัฒนาใหม่เพื่อมอบสัมผัสที่ราบรื่นในทุกย่านความเร็วสร้างอัตราเร่งที่เปี่ยมพลังตั้งแต่ออกตัวไปจนถึงเรดไลน์
ในด้านข้อมูลทางเทคนิคการขับ F8 Tributo ใน Race Mode มีอัตราเร่งในทางโค้งเหนือกว่า 488 GTB ราว 6 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับประสิทธิภาพในการควบคุมพวงมาลัย ส่วนโหมดการขับที่ให้อารมณ์ดิบๆ CT Off และ ESC Off ที่จะตัดระบบช่วยควบคุมการทรงตัวออกไปเพื่อให้คนขับใช้ฝีมือที่แท้จริงจะทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยแตกต่างกันไป แต่การทดสอบครั้งนี้ไม่มีโอกาสได้ลองใช้ (เพื่อความปลอดภัย)
น่าเสียดายที่เวลาแห่งความสนุกของเรากับ Ferrari F8 Tributo มีเพียงแค่ 30 นาที ถึงจะมากพอที่ได้สัมผัสความยอดเยี่ยมในทุกด้านของโมเดลเครื่องยนต์ V8 อย่างเต็มที่แล้ว แต่เป็นความสนุกตื่นเต้นของการขับในสนามแข่งที่รถคันนี้สร้างขึ้นที่ทำให้คุณไม่รู้สึกพอ
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Cavallino Motors
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.