Bangkok Classic Car Garage
GARAGE AND THE MAN คุณบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด
ด้วยความที่ผูกพันกับรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก
ทำให้เขาทุ่มเทให้กับสิ่งที่ชื่นชอบ นั่นก็คือ รถคลาสสิก
จนเกิดเป็นชมรม บางกอก คลาสสิก คาร์ ขึ้นในประเทศไทย
เรื่อง : วีระโชติ ดวงฤทัย ภาพ : ศุภชัย รอดประจง
ตอนที่เราไปทำความรู้จัก “คุณบรรณ เกษมทรัพย์” ดูเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม เพราะมีตำแหน่งเป็นถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทในกลุ่มของเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น ผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของไทยและเอเชีย แต่พอเริ่มสัมภาษณ์กลับกลายเป็นคนละคน ทำให้รู้ว่า ผู้บริหารท่านนี้เป็นคนที่ร่าเริงและชอบรถ ทุ่มเทให้กับการอนุรักษ์รถคลาสสิกอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่ก่อตั้งเว็บไซต์ Bangkok Classic Car ในประเทศไทยอีกด้วย
คุณบรรณ เล่าถึงความหลงใหลในคลาสสิกคาร์ให้ฟังว่า “ผมเป็นคนที่ชอบเรื่องรถตั้งแต่เด็ก ทุกอาทิตย์จะต้องไปซื้อโมเดลรถ จนผมมีโมเดลรถเก่าๆ เต็มไปหมด แบบว่า เหมือนกรุสมบัติเลยนะ พอโตขึ้นมาช่วงไปมหาวิทยาลัยก็ขับรถเฟียตเก่าๆ ของคุณพ่อไปเรียน และด้วยความที่มันเป็นรถเก่าเลยต้องเจอช่างบ่อย ทำให้เราเรียนรู้ที่จะดูแลรถเอง เราเลยมีความรู้สึกผูกพันกับรถ โดยเฉพาะรถเก่า”
“ตอนนั้นก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องสะสมรถเก่า จนกระทั่งเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก ตอนนั้นช่วง 20 ปีก่อน ก็เริ่มคุยกับเพื่อนที่ชอบรถเหมือนกัน เขาบอกสะสมรถเก่าก็น่าสนใจนะ เป็น hobby ที่ดี เพราะขณะนั้นในเมืองไทยยังมีน้อยมาก ช่างไทยก็มีคุณภาพ ราคาก็ไม่แพง ส่วนตัวเองก็เคยเอารถพ่อไปทำสีทำอะไรก็พอรู้จักช่างอยู่บ้าง เลยคิดว่าเรายังพอไหว เพราะทำสีรถทั้งคัน ลอกสีทำใหม่ ราคาประมาณ 2-3 หมื่นบาท เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว จำได้ว่ารถคันแรกที่ซื้อมาเป็น Mercedes-Benz W110 Fintail หรือในบ้านเราเรียกว่า “เบนซ์หางปลา” ซื้อต่อมาจากคุณครูต่างจังหวัด จากนั้นก็เริ่มรู้จักคนค้าขายอะไหล่ รู้จักช่าง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมคลาสสิกคาร์ของผม”
จากความสนใจนำไปสู่
Community Bangkok Classic Car
หลังจากนั้น ก็เริ่มมีเพื่อน มีสังคม และเริ่มมีเว็บไซต์เกิดขึ้น นั่นก็คือ Bangkok Classic Car ซึ่งคุณบรรณ เล่าให้ฟังว่า “เพราะผมอยู่ต่างประเทศเลยเห็นว่า การสื่อสารในเว็บไซต์มันทำให้คนเรามีสังคม มี Community ที่ถึงแม้อยู่ห่างไกลก็เหมือนใกล้กันได้ เพื่อนอยู่เมืองนอก เราอยู่เมืองไทย มีอะไรโชว์ไป เขาก็ตอบกลับมาด้วยความรวดเร็ว และผมมี hobby อีกอย่างหนึ่งคือ ผมชอบถ่ายรูป ก็เลยคิดว่า ตั้งเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อโชว์รูปรถที่อยู่ในเมืองไทย เพราะคิดว่าเราไม่มีปัญญาซื้อรถ ก็ถ่ายรูปรถที่มีในเมืองไทยแชร์ไป เริ่มจากถ่ายรูปรถของตัวเองลงเว็บไซต์ก่อน แล้วก็ถาม-ตอบกับเพื่อน ไม่มีใครมาตอบ เราก็เล่นถาม-ตอบกันเองกับเพื่อน ก็สนุกดี ซึ่งข้อมูลรถก็ค้นหาทางอินเทอร์เน็ตได้ก็นำมาตอบ มาเล่าสู่กันฟัง คนก็เริ่มรู้สึกว่าน่าสนใจมีเว็บไซต์นี้ ตอนนั้นก็เลยคิดว่า เราจะต้องตั้งชื่อเว็บไซต์นะ คุยกับพี่ๆ หลายคนในวงการ พอดีวันนั้นไปดูงานประกวดรถโบราณเจอพี่ๆ หลายคน เขาก็บอกว่า ถ้าจะตั้งเว็บไซต์ก็ต้องมีชื่อที่บ่งบอกถึงตัวตนว่าเราอยู่ในเมืองไทย แล้วเราก็ชอบรถคลาสสิก จะทำอย่างไร อย่างเช่น ทุเรียนก็ยังมีทุเรียนนนทบุรี มีข้าวหลามหนองมน ผมเลยได้ไอเดียชื่อเว็บไซต์ว่า “Bangkok Classic Car” ขึ้นมาในปี พ.ศ.2546”
“หลังจากมีเว็บไซต์ขึ้นมา ก็มีคนเริ่มจาก 2-3 คนเป็น 10 คน ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 18,000 กว่าคน กลายเป็น Community ที่เข้มแข็ง บางคนก็ไม่เคยคิดว่าจะรู้จักกันมาก่อน มารู้จักกันได้จากเว็บไซต์ของ Bangkok Classic Car นี่ละครับ”
กลับมาที่เรื่องรถที่สะสมอยู่ คุณบรรณเล่าว่า “จากรถเบนซ์หางปลา ก็มาต่อด้วยรถ MG ตอนนั้นจำได้ว่าซื้อมา 4 แสนกว่าบาท คันที่เปิดประทุนสีแดง ตอนที่ซื้อปีพ.ศ.2545-2546 ซื้อต่อจากเพื่อนซึ่งเขารักรถอังกฤษมาก MG ก็เลยเป็นรถอังกฤษคันแรก เบนซ์หางปลาคือรถเยอรมันคันแรก หลังจาก MG ก็เป็น Mercedes-Benz Ponton เบนซ์ท้ายมน ขายไปแล้ว จากนั้นก็มีอีกหลายคันนะ มี BMW E30 Alpina ผมมีอยู่ 2 คัน ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมาก จำได้ว่าวันที่แต่งงานขายรถไป 2 คัน คือ Porsche 924 อีกคันคือ Alfa Spider
ส่วน Porsche 911 คันนี้มีสตอรี่ เพราะซื้อวันแต่งงานเลย และมีคนเอามาให้ดูหน้างานแต่งงานเลย (เจ้าสาวรออยู่หน้าโบสถ์) ซื้อมา 7 ปีแล้ว ระยะเวลาในการทำรถ 2 ปีกว่า ถือว่าเป็น Porsche 911 รุ่นปี 1972 ที่สมบูรณ์ เนื่องจากรถ Porsche เป็นรถเพอร์ฟอร์แมนซ์ก็จะกินน้ำมันเครื่อง เพราะฉะนั้นปอร์เช่ที่ผลิตในปีนี้จึงมีฝาถังน้ำมันเครื่องอยู่ข้างนอก ปรากฏว่า คนเติมผิดกันเพราะมันไปติดอยู่ตรงด้านข้างเหมือนที่เติมน้ำมันของรถคันอื่น ปอร์เช่เลยปิดการผลิตไป
ทุกวันนี้รถผ่านมือเขามาแล้วประมาณ 20 คัน แต่เขาตั้งใจว่าจะมี 6 คันเท่านั้น เพราะคิดว่าเต็มที่แล้ว แต่ก็นั่นแหละอะไรๆ มักไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเสมอ ตอนนี้คุณบรรณมีรถถ้ารวมที่ยังทำไม่เสร็จด้วยก็มีทั้งหมด 10 คัน
PLANNING DATA & MATERIALS
ใช้วัสดุของ SCG ทุกชิ้น
คือใช้ยี่ห้ออื่นไม่ได้…ฮา ฮ่า ฮ่า
ช่วงนี้หลังๆ พอมีรถหลายคันก็เริ่มมีปัญหาเรื่องที่จอดรถ ตอนนั้นก็มีหนังสือ Garage Life นี่แหละทำให้ผมเกิดไอเดีย ผมไปงานเปิดตัวนิตยสารที่ CDC ผมก็โอ้โหทำยังไงอยากได้แบบนี้ อยากทำ ก็เลยคิดมาตลอดว่าอยากจะทำ แฟนผมก็รู้ว่าอยากจะทำ ก็พอดีมาได้ที่ดินบริเวณนี้ ซึ่งเดิมเป็นอู่ซ่อมรถมินิ แต่เขาค้างค่าเช่าก็เลยต้องปิดไป พอดีมีเพื่อนที่เป็นสถาปนิกที่เล่นรถคลาสสิกด้วยกัน ก็ช่วยกันคิดว่า น่าจะเก็บโครงสร้างเดิมของหลังคาที่เป็นเหล็กไว้ คือส่วนตัวผมอยากให้โรงจอดรถมันดูออกแนวอินดัสเทรียลผสมลอฟท์หน่อยๆ ก็เลยโอเค
สำหรับส่วนที่ทำใหม่ ก็ทั้งหมดผมเรียกโรงจอดรถหลังนี้ว่า โกดังปูนเสือ (มอร์ต้า) กับปูนซีแพคตั้งแต่ พื้น ผนัง ทำใหม่ทั้งหมด ส่วนระแนงบังแสงเป็น Smart Wood สำหรับบริเวณชั้น 2 เป็นโครงสร้างเหล็กปูพื้นด้วย Smart Board ผนังภายในห้องนั่งเล่นเป็นกระจก ด้านในตกแต่งด้วย Smile Board เรียกว่า ใช้โปรดักส์ของ SCG ทุกชิ้น คือใช้ยี่ห้ออื่นไม่ได้…ฮา ฮ่า ฮ่า
ตอนแรกผมคิดว่า จะเป็นลอฟท์ธรรมดาที่สุด เบสิกที่สุด เป็นที่เก็บรถแล้วมีคนนั่งดูทีวีได้ ทำอะไรได้บ้างแค่นั้นเองไม่ได้คิดอะไรมาก มีเพื่อนมานั่งคุยกันอะไรกัน เพราะว่าลูกชอบรถก็มาเล่นแถวๆ นี้ แล้วพ่อก็ชอบรถอยู่แล้ว อย่างน้อยก็จะได้ดูแลรถด้วย เพราะปกติรถจะไม่จอดเยอะอย่างนี้ จอดแค่ 3-4 ที่ ผมไม่ค่อยหวงรถนะ ให้คนอื่นขับได้นะ แต่ว่าก็คิดว่ารถมันเป็นของต้องขับไง คือเขาขับให้เรานี่เขาช่วยเรานะ คิดอย่างนี้ เออแต่ว่าอย่าไปชนมาก็แล้วกัน แต่ก็ต้องเลือกคนขับหน่อย เลือกคนที่รู้จัก
ในโรงจอดรถหลังนี้ผมว่าชอบความที่มันไม่สมบูรณ์แบบ ดูมันดิบดี ดูไม่เนี้ยบจนดูเหมือนตั้งใจทำ แต่ทำออกมาแล้วกลายเป็นเหมือนกับเป็น Inspiration ของคน เหมือน Bangkok Classic Car นึกออกหรือเปล่าที่ทุกคนคิดว่ามันจับต้องได้ การทำโรงจอดรถมันไม่ต้องทำอะไรให้มันต้องวุ่นวายถูกมั้ย อะไหล่ก็จะกองจนเต็มไปหมดเลย เพราะเราได้อะไหล่มา ก็จับอะไหล่เอามาเรียงๆ หน่อยก็มาช่วยกัน แต่ผมก็ว่าเนี่ยได้อารมณ์ความเป็นมิตร และรู้สึกว่าเราได้อนุรักษ์ของที่เรารักเก็บไว้ให้มันอยู่ในสภาพที่ดี และเหมือนกับว่าเราสามารถใช้ชีวิตกับการาจได้ ใช้ชีวิตกับรถได้ ไม่ใช่ว่าจะร้อนเสมอไป ติดแอร์เสียหน่อย มีทีวีดูได้ มีเพลงฟัง ก็เอาชีวิตเราไปอยู่กับโรงจอดรถได้ บางคนก็คิดว่าโรงจอดรถมันต้องเนี้ยบมากจนเกินเหตุ ไม่คิดว่า นิตยสาร Garage Life จะมาถ่าย มันก็ดิบๆ แต่เราชอบแนวนี้ ไม่ต้องใช้งบประมาณมากมายให้มันดูหรูหรา แต่ทำไปทำมาก็ใช้เงินเยอะเหมือนกัน… ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ปิดท้ายกับคำถามสุดคลาสสิก นั่นคือ เหตุผลที่ทำให้คุณบรรณหลงใหลในคลาสสิกคาร์ “ก็ผมเป็นคนชอบทำรถไง ทำจากรถที่มันวิ่งไม่ได้ให้กลับมาวิ่งได้ เหมือนกับว่าเราได้ย้อนยุค เหมือนได้ระลึกว่า การที่เมื่อก่อนเขาจะทำอะไรสักอย่างต้องตั้งใจทำ พอตั้งใจทำแล้วมันมีศิลปะ มันไม่ใช่แค่เป็นรถที่วิ่งได้อย่างเดียว มันมีศิลปะในตัวของมัน พวงมาลัย เบาะที่นั่ง หรือแผงหน้าปัด เขาทำมาอย่างตั้งใจ”
PLANNING DATA
สถานที่ กรุงเทพฯ
พื้นที่รวม ประมาณ 320 ตร.ม.
สร้างเสร็จ ปี 2015
รถยนต์คันโปรด MG MGA roadster ปี 1957
Porsche 911 ปี 1972
Mercedes-Benz 190SL Cabriolet
Volkswagen Golf Mark I
Alfa Romeo GT 1300 junior ปี 1968
Porsche 550 Spider Replica
OWNER’S CHECK
ส่วนที่ชอบที่สุด : ชอบความที่มันดูดิบๆ ไม่เนี้ยบจนดูเหมือนตั้งใจทำ แต่ทำออกมาแล้วกลายเป็นเหมือนกับเป็น Inspiration ของคน ที่สามารถจับต้องได้
ส่วนที่อยากปรับปรุง : อยากจะหาของมาตกแต่งมากขึ้น ผมก็คิดว่า โรงจอดรถก็เหมือนรถนะ ค่อยๆ ทำไป ผมไม่ได้ทำทีเดียวเสร็จสวยเลย ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แต่งไป
ความฝันครั้งต่อไป : ไม่มี
คำแนะนำถึงผู้อ่าน : การทำโรงจอดรถมันไม่ต้องทำอะไรให้มันต้องวุ่นวาย มันไม่จำเป็นต้องเนี้ยบจนเกินความจำเป็น ร้อนก็ติดแอร์เสียหน่อย มีทีวีดูได้ มีเพลงฟัง เราก็สามารถใช้ชิวิตกับรถที่เรารักได้
Comments are closed.