เปิดตัว Aston Martin DB12 ‘The World’s First Super Tourer’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ร่วมฉลองครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB
แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้นำเข้า และจำหน่ายรถยนต์ Aston Martin อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัว DB12 ยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษรุ่นล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีราคาจำหน่ายที่ 21,900,000 บาท
Aston Martin DB12 พร้อมกำหนดนิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’ และนับเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นรถยนต์ระดับไอคอน
Bolder – เน้นความชัดเจนของเส้นสายให้กับยนตรกรรมระดับไอคอน
ตัวถังดีไซน์ใหม่ กว้างและดูดุดันยิ่งขึ้น เน้นจุดเด่นของ Aston Martin ด้วยกระจังหน้าแบบ Single Vaned ที่มีความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น DB โดยมีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 56 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับ DB11 V8) เพื่อรองรับพละกำลังของ DB12
กันชนหน้าดีไซน์ใหม่พร้อมแผ่นรีดอากาศด้านหน้า (Front Splitter) โลโก้สัญลักษณ์ (Aston Martin Wing Badge) แบบใหม่ โดดเด่นยิ่งขึ้น และเป็นการนำมาติดตั้งบน DB12 เป็นรุ่นแรก พร้อมช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อนจากเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ที่อยู่บริเวณกลางห้องเครื่อง
ไฟหน้าแอลอีดี พร้อมเดย์ไทม์รันนิงไลท์แบบใหม่ (6-block Pattern) กระจกข้างทรงสปอร์ตไร้กรอบ เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะช่วงความเร็วสูง ด้วยระบบแอโรไดนามิกส์ ‘Aeroblade’ โดยใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการสร้างแรงกดพร้อมสปอยเลอร์หลังแบบอัตโนมัติ รวมไปถึงความประทับใจใหม่กับ ‘Presenting Door Handles’ เมื่อกดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรีโมต มือจับประตูจะเปิดขึ้นอัตโนมัติ ช่วยให้จับได้สะดวกยิ่งขึ้น
Fiercer – แรงจัด ทรงพลังมากที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน
ยกระดับให้กับรถ GT สู่การเป็นยนตรกรรมซูเปอร์ทัวเรอร์ ขึ้นทำเนียบยนตรกรรมพลังแรงที่สุดในคลาส ด้วยขุมพลังเบนซินทวินเทอร์โบ วี8 สูบ 4.0 ลิตร 680 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 800 นิวตันเมตรที่ 2,750-6,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (ZF 8HP75) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Finer – หรูหรา ประณีต แบบอัลตราลักชัวรี่
ห้องโดยสารยังคงความหรูหราและประณีตทุกรายละเอียด ตามแบบฉบับของ แอสตัน มาร์ติน มาพร้อมหลากหลายแนวทางการตกแต่งห้องโดยสาร จึงลงตัวกับทุกบุคลิกของผู้ครอบครอง
ระบบอินโฟเทนเม้นต์แบบใหม่พัฒนาโดย Aston Martin ติดตั้งจอดิจิทัลหน้าผู้ขับแบบ TFT 10.25 นิ้ว คมชัดสูง และปรับแต่งการแสดงผลได้หลายแบบ พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ผสมผสานความหรูหราประณีต ตัดเย็บด้วยมือ เข้ากับปุ่มควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ล้ำสมัย
ขณะที่จอแสดงผลอเนกประสงค์ 10.25 นิ้ว ติดตั้งกลางแดชบอร์ด เน้นความสะดวกของผู้ขับ เร้าใจกับปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์แบบใหม่ ตัวปรับเลือกโหมดการขับแบบแป้นหมุน พร้อมสวิตช์ควบคุมต่างๆ ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางใช้งานได้สะดวก
Purer – Drive Modes แบบใหม่ เติมความเร้าใจให้ผู้ขับ
Aston Martin DB12 ออกแบบและผลิตภายใต้แนวคิด ‘Driver Centric’ โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับผู้ขับ เน้นการใช้งานที่ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมรถ
การันตีการขับที่สนุก และปลอดภัยทุกสถานการณ์ ด้วย 5 โหมดการขับ คือ Wet, Individual, GT (พื้นฐาน), Sport และ Sport+ พร้อมติดตั้งระบบออกตัว (Launch Control) สำหรับการทะยานจากจุดสตาร์ท
รวมทั้งมีระบบควบคุมการทรงตัว (ESP-Electronic Stability Programme) สามารถปรับได้ 3 แบบ คือ ON, TRACK และ OFF ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้สัมผัสกับความท้าทายในการควบคุมรถอย่างเป็นธรรมชาติ
Sharper – แฮนด์ลิงคมกริบ
อีกหนึ่งความพิเศษของ Aston Martin DB12 คือช่วงล่างหน้า-ดับเบิลวิชโบน และหลัง-มัลติลิงค์ พร้อมโช้กอัพอะแดปทีฟ ‘BILSTEIN DTX’ ที่มีความความยืดหยุ่นนุ่มหนึบ และความละเอียดในการขับมากขึ้นถึง 500 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับ DB11 V8)
นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรก ที่มีการติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-diff) กับยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ควบคุมรถอย่างมั่นใจด้วยคาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต หลัง 4 พ็อต จับคู่จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลังขนาด 400 และ 360 มิลลิเมตร ตามลำดับ พร้อมมีจานเบรกคาร์บอนเซรามิก เจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลังขนาด 410 และ 360 มิลลิเมตร เป็นออปชั่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชะลอความเร็ว และลดน้ำหนักใต้สปริงได้ถึง 27 กิโลกรัม
ปิดท้ายด้วยล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว จับคู่กับยาง Michelin Pilot Sport S 5 แก้มยางระบุอักษร ‘AML’ บ่งบอกว่าผลิตมาสำหรับ แอสตัน มาร์ติน DB12 พิเศษกับโครงสร้างโฟมด้านใน ช่วยลดเสียงรบกวนและนุ่มนวลยิ่งขึ้น โดยมีขนาดหน้า-หลัง 275/35/ZR21 และ 325/30/ZR21 ตามลำดับ
แนนซี่ เฉิน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทแอสตัน มาร์ติน ลากอนดา กล่าวว่า “ปีนี้นับว่ามีความหมายกับ Aston Martin เป็นพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี แห่งประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่การคว้าชัยชนะในการแข่งแอสตัน ฮิลล์ ไคลม์ ไปจนถึงการนำรถเข้าแข่งรายการฟอร์มูล่า วัน กรังด์ปรีซ์ ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ เรายังได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 75 ปี ของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ที่นับเป็นต้นกำเนิดของรถ GT (Grand Tourer) ด้วยการเปิดตัวรุ่นล่าสุดของ Aston Martin DB12 ผู้กำหนดนิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’”
ทางด้าน ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไปแอสตัน มาร์ติน แบงคอก กล่าวว่า “รู้สึกยินดีและตื่นเต้นไปกับชาวไทยที่จะได้สัมผัสกับ Aston Martin DB12 ซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็นยนตรกรรมซูเปอร์ทัวเรอร์คันแรกของโลก นับเป็นการยกระดับให้กับรถประเภท GT ผ่านการผสมผสานความหรูหรา เข้ากับสมรรถนะของซูเปอร์คาร์ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้อย่างลงตัว”
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: แอสตัน มาร์ติน แบงคอก
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.