เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าชาวไทย-เปิดตัว New GLE 300d ราคา 6.06 ล้านบาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพิ่มทางเลือกกลุ่มรถอเนกประสงค์เปิดตัว Mercedes-Benz GLE 300 d ในราคา 6.06 ล้านบาท เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันไร้ขีดจำกัดในทุกเส้นทางทั้งออนโรด และออฟโรด ด้วยการขับเคลื่อนอย่างมีสไตล์จากขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร อัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทั้งเบาะที่นั่งแถวที่ 3 จำนวน 2 ที่นั่ง, ระบบมัลติมีเดีย MBUX พัฒนามาจากนวัตกรรม AI และบริการ ‘Mercedes me connect’ เชื่อมต่อระหว่างลูกค้าสู่ตัวแทนผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์ The New GLE เป็นผลลัพธ์จากการผสมผสานที่ลงตัวของคุณสมบัติอัจฉริยะและสุนทรียะทางการออกแบบ เพื่อให้รถยนต์รุ่นใหม่นี้มีรูปลักษณ์ที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้เป็นเจ้าของได้ตั้งแต่แรกเห็น โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญด้านงานออกแบบเพื่อขับเน้นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของตัวรถเท่านั้น ทั้งการสรรสร้างผลิตภัณฑ์ให้สวยงามเหนือกาลเวลา การใช้เทคโนโลยีงานออกแบบชั้นเลิศ และคุณภาพของงานประกอบสัดส่วนของตัวรถจะเป็นแบบฐานล้อยาว มีระยะจากกันชนถึงดุมล้อสั้น และใช้ยางขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับการใช้งานในทุกสภาพถนน นักออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยึดปรัชญาการออกแบบ Sensual purity โดยมีการปรับส่วนที่เป็นเหลี่ยมมุมต่างๆ ของตัวถังให้มีความโดดเด่นและสอดรับกับทั้งลักษณะตัวถังและแพลทฟอร์มของรถมากขึ้น
ส่วนหน้าของรถยนต์ The GLE เปี่ยมไปด้วยพลังและความโดดเด่น ด้วยกระจังหน้าลาย 6 เหลี่ยมที่ยกตัวสูง แผ่นกันกระแทกชุบโครเมี่ยมที่ดูสอดรับกับฝากระโปรงหน้าที่มีช่องรับอากาศ powerdomes และชุดไฟหน้าอัจฉริยะแบบ Multibeam LED ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมความดุดันให้กับรถได้ทั้งขณะเปิดหรือปิดไฟ รวมไปถึงไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างเป็น
รูปตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อมองจากด้านข้าง ผู้เป็นเจ้าของจะพบกับเสาซีที่มีลักษณะกว้างซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ทางการออกแบบของรถยนต์ตระกูล The GLE ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาให้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ดึงดูดสายตาด้วย AMG Bodystyling รอบคัน ทั้งกันชนหน้า-กันชนหลัง-สเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 21 นิ้ว ซึ่งล้อทั้งสี่จะอยู่ในซุ้มล้อที่เป็นวงโค้งสวยงาม ด้านท้ายของรถมีลักษณะแผ่กว้างและดูทรงพลัง โดยมีจุดเริ่มต้นจากเสาซีทอดมาถึงไฟหลัง เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงด้านหลังในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิมเพื่อสร้างลูกเล่นให้ไฟหลังดูมีลักษณะราบเรียบยิ่งขึ้น
ดีไซน์ภายในเป็นการผสานเข้าด้วยกันของความหรูหราและสง่างามตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และความโฉบเฉี่ยว ดุดัน แข็งแกร่งแบบเอสยูวี ฐานล้อของ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic มีความยาวถึง 2,995 มิลลิเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 80 มิลลิเมตรจากรุ่นก่อนหน้า ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยโครเมียม ด้านบนของคอนโซลหน้า (Dashboard) และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง Artico พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa โดยเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ
มอบความสะดวกสบายระดับพรีเมียมด้วยเบาะนั่งแถวที่สองสามารถปรับองศาการเอนของพนักพิงและพับเบาะได้ง่าย ด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 1/3 และ 2/3 พร้อมทั้งยังสามารถปรับเพิ่มพื้นที่วางขาได้มากถึง 69-1,049 มิลลิเมตร เพื่อสามารถเข้าไปถึงแถวที่สามได้สะดวก โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ นับเป็นแบรนด์แรกของโลกที่นำเสนอฟังก์ชันนี้ในกลุ่มรถยนต์เอสยูวี นอกจากนี้ความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สองและแถวที่สามลง รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหารบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เริ่มทำการตลาดรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีระดับพรีเมียมขึ้นเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2540 ผ่านการเปิดตัว M-Class ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก ด้วยการทำให้ลูกค้ากว่าสองล้านคนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์สไตล์ออฟโรดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งสำหรับรถยนต์ GLE ได้รับการแนะนำออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ.2558 โดยวางตำแหน่งเป็นเอสยูวีในตระกูล E-Class ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ตระกูลเอสยูวีที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์”
“ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเสนอรถยนต์ในตระกูลเอสยูวีทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่ GLA, GLC, GLC Coupé, GLE, GLE Coupé, GLS และ G-Class ซึ่งทุกรุ่นได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จากการที่ลูกค้ามากกว่าห้าล้านคนทั่วโลกเลือกซื้อเพื่อเป็นเจ้าของ โดยรถยนต์กลุ่มเอสยูวีถือเป็นเสาหลักสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นอย่างมาก”
ระบบความสะดวก และการสื่อสารกับครั้งแรกของระบบมัลติมีเดีย MBUX ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลของหน้าจอเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการขับขี่ที่หลากหลาย ที่ใช้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัสสำหรับหน้าจอแสดงผลข้อมูลส่วนกลาง รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งสามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไปได้ เพียงพูดว่า ‘Hey Mercedes’ และตามด้วยคำสั่งเช่น ‘I’m cold’ ระบบจะทำการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมพร้อมทั้งจดจำ และเรียนรู้การสั่งงานของคุณได้ เพื่อสร้าง
ความเชื่อมโยงระหว่างคุณกับรถได้อย่างไร้ที่ติ โดยรถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display) ให้คุณเข้าถึงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยระบบจะแสดงข้อมูลในระดับสายตาที่ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และสามารถปรับความเข้มของการแสดงผล ปรับตำแหน่งของการแสดงผล และปิดระบบได้หากไม่ต้องการใช้งาน รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay & Android Auto), ช่อง USB Type C บริเวณที่นั่งทุกแถว ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad ที่วางแก้วน้ำแบบควบคุมอุณหภูมิ และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting)
ทางด้านบีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขาย และการตลาดบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “สำหรับ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ถือเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมจากตระกูลเอสยูวี ที่สะท้อนตัวตนในฐานะรถยนต์สไตล์ออฟโรดที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ แต่ยังคงความหรูหราทันสมัยได้เป็นอย่างดี โดยรถยนต์รุ่นนี้โดดเด่นด้วยการเพิ่มเติมหลากหลายฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ใหม่เพื่อเอาใจแฟนดาวสามแฉกโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) สามารถเชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้ากับเทคโนโลยีอันชาญฉลาดเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียงที่สามารถจดจำข้อมูล และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ของผู้ขับขี่ เพื่อแจ้งเตือน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้ง่ายและเหมาะสมที่สุด บริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส และสุดท้ายกับเบาะนั่งแถวที่ 3 สำหรับผู้โดยสาร 2 คน ทำให้รถยนต์ The GLE สามารถบรรจุผู้โดยสารสูงสุดได้ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมยังปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลายตามต้องการอีกด้วย”
รายละเอียดรถยนต์ | เครื่องยนต์ | ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) | แรงบิดสูงสุด
(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที) |
อัตราเร่ง
0-100 กม./ชม. (วินาที) |
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม./ชม.) |
GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic | ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ | 1,950 | 245/4,200 | 500/1,600-2,400 | 7.2 | 225 |
The New GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic มาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อันโดดเด่นมากมาย:
- Mercedes-Benz emergency call system บริการที่จะคอยช่วยเหลือคุณจากสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือในขณะที่คุณได้รับอุบัติเหตุ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จะทำการติดต่อไปยัง Emergency Customer Contact Center ศูนย์บริการฉุกเฉิน ที่จะช่วยประสานงานด้านความปลอดภัย เพื่อช่วยเหลือให้คุณได้รับความปลอดภัยสูงสุด
- ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics ด้วยบริการ Remote Retrieval of Vehicle Status ที่จะคอยรายงานสถานะของรถยนต์ไปยัง Mercedes me และด้วยบริการ Telediagnostics ที่จะคอยส่งข้อมูลและสถานะของรถยนต์ไปยังศูนย์บริการที่คุณเลือกเมื่อตรวจพบความเสียหายเพื่อให้คุณได้รับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด
- ระบบแผนที่นำทาง Navigation System ระบบนำทางพร้อม Live Traffic Information แบบออนไลน์อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถป้อนข้อมูลที่ต้องการได้ผ่านทัชแพด
- ระบบตั้งค่ารถยนต์ (Pre-installation for Vehicle Set-up) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารด้วยโทรศัพท์มือถือ (Remote Engine Start) ปลอดภัยไปอีกขั้นกับระบบ Remote Door Lock/Unlock ที่ช่วยให้คุณสามารถล็อกรถได้จากทุกที่ทั่วโลก ให้คุณไร้ความกังวลเรื่องความปลอดภัยและมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของคุณจะอยู่ในการควบคุมตลอดเวลาเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางกับความสบายในแบบที่คุณควบคุมได้ด้วยระบบ Remote Engine Start ช่วยให้คุณสตาร์ทพร้อมเปิดระบบปรับอากาศและออกเดินทางไปกับความเย็นสบาย ในแบบที่ คุณควบคุมได้เอง และในวันที่คุณต้องเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ คุณก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งที่จอดรถอีกต่อไปด้วยระบบ Parked Vehicle Locator ที่ช่วยแสดงตำแหน่งของรถยนต์ภายในรัศมี 1.5 กิโลเมตร เพื่อให้คุณค้นหารถยนต์ที่จอดไว้ได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึง Vehicle Tracker ระบบที่ติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน GPS และยังมีระบบ Geofencing ฟังก์ชันที่ช่วยจำกัดพื้นที่การขับขี่ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของคุณจะปลอดภัย และอยู่ในการควบคุมของคุณ
ระบบความปลอดภัยของ The New GLE ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าได้แก่:
- ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist Distronic) ซึ่งทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้าในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น และลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยเบรกด้วยระดับแรงเบรกประมาณ 50% ของแรงเบรกปกติ เพื่อรักษาระยะห่างตามที่ผู้ขับขี่กำหนด
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist) ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือจักรยานยนต์คันอื่นที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร
- ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist) ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งระบบนี้จะทำงานโดยการใช้สัญญาณเรดาร์ ในการตรวจจับช่องจราจรและรถยนต์ที่อยู่ในช่องจราจรอื่น หากระบบตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนกับรถยนต์คันอื่น ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติด้วยการเบรกล้อฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้ รวมถึงระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist), ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind Assist), โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control), ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System), กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง Electronic Traction System 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย
Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic จำหน่ายในราคา 6,060,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถไปสัมผัสรถคันจริงได้ที่งาน “เมอร์เซเดส-เบนซ์ สตาร์เฟส” ณ เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ระหว่างวันที่ 21 – 27 สิงหาคม และจะเคลื่อนคาราวานไปทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.