เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดงานสตาร์เฟส 2016 เปิดตัว 4 สุดยอดรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับพรีเมี่ยม เปิดตัว 4 สุดยอดรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car ได้แก่ The new SLC 300 AMG Dynamic สปอร์ตโรดสเตอร์สุดโฉบเฉี่ยว Mercedes-AMG SLC 43 คอมแพกต์โรดสเตอร์แบบ 2 ที่นั่งจากค่ายเอเอ็มจี The new generation SL 400 โรดสเตอร์หรูระดับตำนานรุ่นปรับโฉมใหม่ และ The new S 500 Cabriolet รถยนต์เปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่งสไตล์ S-Class
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะไม่หยุดนิ่งในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้า พร้อมสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงได้มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ทางบริษัทฯ ได้สร้างสีสันครั้งใหม่ในวงการรถยนต์หรูอีกครั้ง ด้วยการจัดงานแสดงรถยนต์ “สตาร์เฟส 2016” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Unleash your senses” เปิดตัวยนตรกรรม 4 รุ่นในกลุ่ม Dream Car มาเพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่สไตล์สปอร์ต และท้าทายได้เลือกสรรกันอย่างครบครัน”
มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งานสตาร์เฟสในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car มากสุดในประวัติศาสตร์ รวมกว่า 4 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น The new SLC 300 AMG Dynamic สปอร์ตโรดสเตอร์สุดโฉบเฉี่ยว Mercedes-AMG SLC 43 คอมแพกต์โรดสเตอร์แบบ 2 ที่นั่งจากค่ายเอเอ็มจี The new generation SL 400 โรดสเตอร์หรูระดับตำนานรุ่นปรับโฉมใหม่ และ The new S 500 Cabriolet รถยนต์เปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง สไตล์ S-Classให้ลูกค้าได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ”
The new SLC 300 AMG Dynamic
“The new SLC” รถยนต์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งในด้านดีไซน์และเทคโนโลยี พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก SLK เป็น SLC โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ Mercedes-Benz SLK ได้เผยโฉมออกสู่ตลาดนั้น ก็ได้รับการตอบรับจากสาวกดาวสามแฉกเป็นอย่างดีด้วยยอดขายกว่า 670,000 คันทั่วโลก โดยสำหรับ The new SLC 300 AMG Dynamic มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ยาว ห้องโดยสารที่อยู่เยื้องไปทางส่วนหลังของตัวรถ และด้านหลังรถที่สั้น ส่วนหลังคาที่มีความโค้งเว้า ซุ้มล้อที่ทอดตัวเป็นวงโค้งอย่างทรงพลัง และช่องดักอากาศบริเวณส่วนเหนือซุ้มด้านหน้าแบบชุบโครเมี่ยม รวมถึงการตกแต่งภายใน และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่สะท้อนความเหนือระดับของรถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี
The new SLC 300 AMG Dynamic ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบแถวเรียง เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 245 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 3,990,000 บาท
Mercedes-AMG SLC 43
รถยนต์คอมแพกต์โรดสเตอร์แบบ 2 ที่นั่งจากค่าย AMG ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อันทรงพลัง โดย Mercedes-AMG SLC 43 นับเป็นรถยนต์เครื่องยนต์ V6 รุ่นแรกที่ผลิตจากโรงงาน AMG ในเมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ที่ติดตั้งนวัตกรรมล่าสุดของ Mercedes-AMG ไว้อย่างครบถ้วน
ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-AMG SLC 43 ยังคงความโดดเด่นทางด้านดีไซน์ตามสไตล์รถยนต์ตระกูล SLC ด้วยกระจังหน้า Diamond grille สีเงินพร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ แบบ 4-pipe look, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และแผงหลังคาฮาร์ดท็อปเปิด-ปิดได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 40 กม./ชม. รวมถึงกระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System โดยไฟหน้ามาพร้อมกับระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist), ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง, สปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้าย, สัญลักษณ์ AMG บนคาลิปเปอร์เบรกและล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว
สำหรับ ดีไซน์ภายใน มีความหรูหราเช่นเดียวกับ The new SLC 300 AMG Dynamic ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบสปอร์ต พร้อมระบบอุ่นที่นั่ง ที่สามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่ง, นาฬิกาแบบอนาล็อก, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด ที่ทำงานสอดคล้องกับอัตราทดเกียร์แบบคงที่ที่ 15.5 รอบเครื่องต่อ 1 รอบ ล้อหมุน ส่งผลให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้การตอบสนองของพวงมาลัยเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม, แผ่นกันลมแบบ plexiglass (AIRGUIDE), ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) แบบ 3 สี, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™)
Mercedes-AMG SLC 43 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 367 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 4,990,000 บาท
The new generation SL 400
หนึ่งในรถยนต์ระดับตำนานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหม่ ทั้งในด้านดีไซน์และสมรรถนะ เพื่อให้เป็นได้ทั้งรถโรดสเตอร์หรูที่มอบความรื่นรมย์และความสะดวกสบาย พร้อมทั้งยังเป็นรถยนต์สปอร์ตคูเป้ ที่มอบสัมผัสอันเร้าใจในทุกการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย โดย The new generation SL 400 โดดเด่นด้วยส่วนหน้าของตัวรถที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถแข่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น 300 SL Panamerica ที่มีกระจังหน้าแผ่กว้างและเพรียวบาง พร้อมทอดตัวยาวลงมาถึงส่วนล่างของด้านหน้ารถ สอดรับกับช่องพาวเวอร์โดมสำหรับรับอากาศ 2 ช่องบนฝากระโปรงหน้าที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์สำคัญของรถยนต์ตระกูล “SL” ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ The new generation SL 400 ยังถือว่าเป็นรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นจัดจำหน่ายจริงรุ่นแรกที่ใช้ตัวถังซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้รถยนต์รุ่นนี้มีน้ำหนักเบาลงถึง 110 กิโลกรัม พร้อมทั้งมีความทนทาน และความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงคุณสมบัติในการช่วยลดการสั่นสะเทือนในห้องโดยสาร ที่ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางมากยิ่งขึ้น
SL 400 AMG Premium ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 367 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 9,490,000 บาท
The new S 500 Cabriolet
The new S 500 Cabriolet ยนตรกรรมรุ่นที่ 6 ที่พัฒนามาจากโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ตระกูล S-Class และยังเป็นรถเปิดประทุนสี่ที่นั่งรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์นับตั้งแต่ปี 1971 โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานดีไซน์หรูหราโดดเด่นของรถยนต์ซาลูนตระกูล S-Class เข้ากับความสปอร์ตปราดเปรียวและเร้าใจของรถยนต์สไตล์ Coupé ไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมกันนี้ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างตัวถัง และพื้นห้องโดยสารส่วนหลังที่เป็นอลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักของรถยนต์รุ่นนี้ลดลงจนเทียบเท่า S-Class Coupé โดย The new S 500 Cabriolet มาพร้อมกับหลังคาผ้าใบแบบเนื้อผ้า 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเคลือบสารบูทีล (butyl) ซึ่งทำให้นับเป็นรถยนต์มีระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยหลังคาสามารถกางเปิดหรือพับปิดได้ในเวลาเพียง 20 วินาที ขณะที่รถวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. นอกจากนี้เมื่อหลังคา กางออก แผงกั้นระหว่างห้องโดยสารกับพื้นที่เก็บสัมภาระจะเลื่อนลงไปด้านหลังตัวรถโดยอัตโนมัติเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับเก็บหลังคา และเมื่อปิด หลังคาซอฟท์ท็อปจะเคลื่อนตัวไปเป็นส่วนหนึ่งกับท้ายรถเพื่อทัศนวิสัยที่สวยงาม การสั่งการเปิด-ปิดสามารถทำได้จากด้วยระบบกุญแจอัตโนมัติแม้จะอยู่ภายนอกรถ โดยหลังคาผ้าใบมีให้เลือกถึง 4 สี คือสีดำ สีน้ำเงินเข้ม สีเบจ และสีแดงเข้ม
The new S 500 Cabriolet ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 4,663 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 455 แรงม้า ที่ 5,250 – 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 3,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอในราคา 16,290,000 บาท
Comments are closed.