สำรวจอนาคตเทคโนโลยียานยนต์ในงาน CES 2024
กลายเป็นศูนย์กลางของการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์โลกอย่างไม่เป็นทางการ CES 2024 งานแสดงเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองลาส เวกัส ประเทศสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมของทุกปี โดยมีทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก, ผู้ผลิตชิ้นส่วน และบรรดาสตาร์ท-อัพ ที่กำลังรอโอกาสแจ้งเกิด นำเสนอนวัตกรรมต้นแบบ, เทคโนโลยีล่าสุด และคอนเซปต์ที่กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาเป็นครั้งแรก
VINFAST
VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดาวรุ่งจากประเทศเวียดนาม เข้าร่วมงาน CES 2024 เพื่อนำเสนอ VF Wild รถกระบะไฟฟ้าต้นแบบรุ่นแรกของแบรนด์ เพื่อแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของพวกเขาในการขยายโปรดักส์ไลน์พร้อมทั้งนำเสนอรูปแบบการเดินทางที่ยั่งยืนด้วยการให้ผู้คนเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ, ปลอดภัย และมีความน่าตื่นเต้น
VF Wild มีความหมายถึงการแสดงถึงพลังจากธรรมชาติ โดยเป็นการพัฒนาร่วมกับ GoMotiv สตูดิโอออกแบบในประเทศออสเตรเลีย โดยใช้เวลากว่า 8,000 ชั่วโมง ในการพัฒนา และนักออกแบบหลายคนมีส่วนร่วม เพื่อสร้างรถให้มีความสวยงามที่เรียกว่า Fluid Dynamism สำหรับคอนเซ็ปต์ปิกอัพโดยเฉพาะ โดยแนวทางการออกแบบนำแรงบันดาลใจมาจากการเคลื่อนที่ที่พลิ้วไหวของผ้าคลุมซูเปอร์ฮีโรในสายลม
ในขณะเดียวกัน VinFast เลือกงานนี้เป็นการเปิดตัว VF 3 มินิเอสยูวีพลังไฟฟ้ารุ่นผลิตขายจริงอย่างเป็นทางการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเฉียบคม ความยั่งยืน และการเดินทางในเมืองที่เข้าถึงได้ทุกคน โดยรถมีความสมดุลของความแข็งแกร่ง และเส้นสายที่ลื่นไหล พร้อมยืนยันว่าจะเปิดรังจองภายในปีนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้การเปิดตัว VinFast MirrorSense เทคโนโลยีกระจกมองข้างที่สามารถปรับองศาด้วย AI (AI-driven Automatic Mirror Adjustment) ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมด้านเทคโนโลยียานยนต์ และการขนส่ง (Innovation Award Vehicle Tech and Advanced Mobility Category) จากคณะผู้จัดงาน CES
HONDA
Honda ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวซีรีส์รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ภายใต้ชื่อ Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) เป็นครั้งแรกที่ CES 2024 พร้อมนำเสนอ 2 โมเดลพลังงานไฟฟ้าต้นแบบ Saloon และ Space-Hub โดยมีกำหนดผลิตจริงเพื่อขายในตลาดอเมริกาเหนือภายในปี 2026
คอนเซ็ปต์คาร์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 2 คัน จะถูกพัฒนาภายใต้แนวทางใหม่ของการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า และขั้นตอนด้านวิศวกรรมของ Honda เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกมาในอนาคตภายใต้ชื่อ Honda 0 Series
“เราเลือกจะกลับสู่พื้นฐาน และกำหนดแนวทางของ Honda 0 Series ด้วยดีไซน์ที่จะก้าวสู่ยุคใหม่” Shinji Aoyama รองประธานบริหาร Honda กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง “ความโดดเด่นในการกำหนดสัดส่วน และความเรียบง่ายที่นำเสนอจะเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ทุกคนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น การสร้างความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นๆ ที่จะเป็นมุมมองใหม่สำหรับผู้คน”
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ Honda มีการเผยโฉม “H mark” โลโก้ใหม่แทนของเดิมที่ถูกใช้มายาวนานตั้งแต่ปี 1981 โดยการออกแบบจะสื่อถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะเปลี่ยนผ่านประวัติศาตร์ที่ยาวนานกว่า 70 ปี เพื่อเข้าสู่ความท้าทายครั้งใหม่ และมีการออกแบบใหม่เหมือนสัญลักษณ์มือทั้งสองที่ยื่นออกมาเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของ Honda ในการยกระดับความเป็นไปได้ในการเดินทาง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด โดยสัญลักษณ์ใหม่นี้จะเริ่มใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่รวมถึง Honda 0 Series
สำหรับคอนเซ็ปต์คาร์ไฟฟ้า Saloon ถูกกำหนดให้เป็นแฟล็กชิพคอนเซ็ปต์โมเดลในการเปิดตัว Honda 0 Series ด้วยการใช้แพล็ตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมนำเสนอแนวทางการออกแบบ “M/M” (The Man Maximum, Machine Minimum” ที่จะเพิ่มความกว้างของตัวรถ และลดความสูงลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยชิ้นส่วนต่างๆ จะผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืน
นอกเหนือจากแนวทางการออกแบบใหม่ทั้งภายใน-ภายนอก Honda Saloon EV จะเป็นโมเดลแรกที่ติดตั้งระบบพวงมาลัย Steer-by-wire แบบใหม่ และระบบควบคุม Motion Control Management ด้วยการนำประสบการณ์จากการพัฒนาหุ่นยนต์ของ Honda ที่ยาวนานหลายทศวรรษเข้ามาร่วมพัฒนา พร้อมระบบตรวจจับท่าทางของผู้ขับขี่เพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์ขับขี่รูปแบบต่างๆ เพื่อที่จะยังคงได้สัมผัส “ความสุขในการขับ” ถึงจะเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าก็ตาม
ขณะที่ Space-Hub รถพลังงานไฟฟ้าต้นแบบอีกหนึ่งคันที่ปรากฎตัวบนเวที CES 2024 ถูกพัฒนาเพื่อ “เติมเต็มการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน” (Augmenting People’s Daily Lives) ด้วยการให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้งานภายในห้องโดยสาร และการเพิ่มมุมมองที่แปลกใหม่ภายใต้พื้นฐานของ 3 คำที่เรียบง่าย “Thin, Light, and Wise” (เพรียวบาง, น้ำหนักเบา และความหลักแหลม) โดยจะมีความอเนกประสงค์ในการใช้งานเพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสารแต่ละคน และกลายเป็นเหมือนศูนย์รวม (Hub) ที่จะเชื่อมต่อผู้คน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก
และจากประสบการณ์พัฒนาระบบเครื่องยนต์ไฮบริดในรถยนต์หลากหลายรุ่น และรถยนต์ไฟฟ้าที่ Honda เคยผลิตก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง โดยรถยนต์ไฟฟ้าใน Honda 0 Series จะมาพร้อมระบบ e-Axles (ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, อินเวอร์เตอร์ และระบบเกียร์) ที่จะมอบกำลัง และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม โดยที่มีน้ำหนักเบา และติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง (High-density Battery) ที่จะมีระยะการขับขี่ที่ไกลขึ้น แต่มีขนาดเล็กกว่าแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน
QUALCOMM TECHNOLOGIES
Qualcomm Technologies ตอกย้ำโมเมนตัมระดับโลก และตำแหน่งผู้นำในฐานะพันธมิตรที่อุตสาหกรรมยานยนต์เลือกใช้ โดยมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และกว้างขวางของแพลตฟอร์ม Snapdragon Digital Chassis ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง เปิดกว้าง และสามารถต่อยอดได้ ทำให้พวกเขากลายเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจและตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นขุมพลังสำคัญในการกำหนดอนาคตของยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์
ยกระดับประสบการณ์ขับขี่ยานยนต์ที่เหนือระดับด้วยแพลตฟอร์ม Snapdragon Auto Connectivity การเชื่อมต่อยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมยานยนต์และขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมที่เหนือชั้น ด้วยแผนกลยุทธ์ของ Snapdragon Auto Connectivity Platform ซึ่งพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์อันยาวนานหลายทศวรรษของ Qualcomm Technologies ในด้านการเชื่อมต่อ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์พร้อมที่จะรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านความปลอดภัย และความชาญฉลาดจากบริการเชื่อมต่อ, LTE, 5G, เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างยานพาหนะกับสิ่งต่างๆ (Vehicle-to-Everything) , Wi-Fi, Bluetooth, การสื่อสารผ่านดาวเทียม และระบบระบุตำแหน่งที่แม่นยำ
ในงานนี้ Qualcomm มีการนำเสนอ Snapdragon Cockpit หัวใจสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ที่หรูหราภายในยานยนต์ตามความคาดหวังของผู้บริโภค และเป็นเครื่องมือให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถต่อยอดแบรนด์ของตนได้, Snapdragon Ride แพลตฟอร์มขับขี่อัตโนมัติที่ล้ำสมัยที่ปรับขยายและปรับแต่งได้มากที่สุดในวงการยานยนต์ และ Snapdragon Ride Flex SoC การนำเสนอชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบเพื่อสนับสนุนการทำงานแบบ Mixed – Criticality บนทรัพยากรประมวลผลที่หลากหลาย
SAMSUNG & TESLA
Samsung ประกาศความร่วมมือกับ Tesla ในด้าน SmartThings Energy กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบแบตเตอรี่สำหรับใช้ในบ้าน Powerwall, อุปกรณ์แปลงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Inverter), ระบบชาร์จ Wall Connector และรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle – EV)
ความร่วมมือครั้งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ผ่าน API (Application Programming Interface) แบบเปิดของ Tesla จะส่งผลให้การเชื่อมต่อของ SmartThings Energy ที่มีความครอบคลุมอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว ยิ่งขยับขยายระดับของการเชื่อมต่อให้กว้างไกลมากขึ้นอีก อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายสูงสุดของ Samsung ในการทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในบ้านที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและราบรื่นไร้รอยต่อยิ่งขึ้น
Chanwoo Park รองประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการทีมพัฒนา IoT ณ ศูนย์แพลตฟอร์มอุปกรณ์ Samsung กล่าวว่า “ลูกค้าของ Tesla Energy จะสามารถบริหารจัดการและตรวจสอบดูแลสถานะด้านพลังงานในบ้านของตนผ่าน SmartThings Energy และอุปกรณ์โดยเป็นอีกช่องทางที่เพิ่มเติมจากแอปพลิเคชันของ Tesla เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อที่หลากหลายขึ้น โดยความร่วมมือครั้งใหม่นี้นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Samsung ในการทำให้โซลูชันของเราให้มีขอบเขตการให้บริการที่กว้างไกลยิ่งกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน”
BOSCH
Bosch รุดหน้าพัฒนาเทคโนโลยี และโซลูชันต่าง ๆ ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อการใช้พลังงานแบบยั่งยืน และยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของไฮโดรเจนในการตอบโจทย์ด้านการใช้พลังงานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ โดยที่งาน CES 2024 บริษัทยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน นำเสนอเทคโนโลยี และแอปพลิเคชันสุดล้ำที่นอกจากจะทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น, ปลอดภัย และสะดวกสบายแล้ว ยังส่งเสริมความยั่งยืนเพื่อโลกของเราอีกด้วย
การใช้พลังงานไฟฟ้าก้าวหน้าไปมากโดยเฉพาะด้านการขับเคลื่อน Bosch ป็นผู้นำด้านการให้บริการตลอดห่วงโซ่มูลค่าของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ที่เริ่มตั้งแต่ชิปชุดขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า (E-Axles) และเครื่องยนต์ไฟฟ้า จนถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่, สถานีชาร์จไฟฟ้า และการให้บริการอื่นๆ
สำหรับที่งานนี้ 1 ในนวัตกรรมที่ Bosch นำเสนอ ได้แก่ ระบบการชาร์จไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ Automated Valet Charging ที่ได้รับรางวัล CES 2024 Innovation Award จาก Consumer Technology Association (CTA) โดยที่จอดรถที่ติดตั้งระบบการจอดรถอัตโนมัติ (Automated Valet Parking) รถไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีใหม่นี้จะสามารถขับเคลื่อนตัวเองไปยังที่จอดที่ว่างอยู่ที่มีจุดชาร์จไฟฟ้า และหุ่นยนต์จะชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ โดยเมื่อการชาร์จไฟฟ้าเสร็จสิ้น รถก็จะเคลื่อนที่ด้วยตัวเองแบบไร้คนขับไปยังที่จอดรถที่ว่างอยู่ และให้พื้นที่ชาร์จไฟฟ้ากับรถคันต่อไป
VW
ในงาน CES 2024 Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของประเทศเยอรมัน ประกาศเตรียมนำ ChatGPT ระบบแชตบอต AI เข้ามาพัฒนาร่วมกับระบบสั่งงานด้วยเสียง IDA Voice Assistant เพื่อติดตั้งในรถยนต์ของพวกเขาเป็นครั้งแรก
ตามข้อมูลที่เปิดเผยออกมาในอนาคตผู้ใช้รถยนต์ VW จะสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence ที่กำลังเติบโตขึ้นในทุกโมเดลของแบรนด์ที่ติดตั้งระบบสั่งงาน IDA และรวบรวมข้อมูลระหว่างการขับขี่บนท้องถนน ภายใต้การร่วมมือกับ Cerence Inc. ผู้พัฒนาเทคโนโลยี Cerence Chat Pro ที่จะใช้เป็นพื้นฐานของฟังก์ชั่นใหม่ร่วมกับ ChatGPT ที่ถูกยกระดับการใช้งานเป็น Automotive-grade เพื่อการใช้งานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะ และ Volkswagen จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์หลักของโลกรายแรกที่ติดตั้ง Chat GPT เป็นมาตรฐานในรถยนต์ที่ผลิตออกขาย โดยจะเริ่มต้นในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2024
AI Chatbot ที่ได้รับการพัฒนาใหม่จะติดตั้งในระบบควบคุมความบันเทิง Infotainment ในรถยนต์ Volkswagen ทั้งโมเดลพลังงานไฟฟ้า ID.7, ID.4, ID.5 และ ID.3 รวมทั้งรถยนต์เครื่องสันดาปอย่าง All-new Tiguan, All-new Passat และโมเดลขวัญมหาชนอย่าง New Golf
เทคโนโลยี Cerence Chat Pro จะสามารถทำให้ ChatGPT กลายเป็นฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุน IDA Voice Assistant ระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Volkswagen ให้สามารถตอบคำถามกับมนุษย์ในบทสนทนาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น, ค้นหาข้อมูลเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องแม่นยำ, ตอบโต้กับผู้ใช้งานด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย, รับ-ส่งข้อมูลเฉพาะของรถยนต์ และสามารถสั่งงานโดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มใดๆ
AMD
AMD เดินหน้าเต็มตัวสู่เทคโนโลยีสำหรับวงการยานยนต์ ด้วยการเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน CES 2024 พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำร่วมกับพาร์ตเนอร์มากมาย การเปิดตัวนี้ตอกย้ำถึงความสำเร็จของการควบรวมกิจการ Xilinx เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ AMD ขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดยานยนต์อย่างก้าวกระโดด ครอบคลุมทุกด้านตั้งแต่ระบบข้อมูลความบันเทิงในรถ ไปจนถึงเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ, ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการตรวจจับวัตถุ และการจอดรถอัตโนมัติ
Versal AI Edge XA: ชิป 7 นาโนเมตรตัวแรกของ AMD ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานยานยนต์ นำเสนอมาตรฐานความทนทาน และระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาสู่วงการยานยนต์ ด้วยเอ็นจิ้นด้าน AI ที่อยู่ภายใน Versal AI Edge XA ทำให้สามารถทำการจดจำรูปแบบของสัญญาณ การตรวจจับวัตถุ และหน้าที่อื่นๆ
Ryzen Embedded V2000 Series: ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์เสนอประสิทธิภาพในระดับสูง รองรับการทำงานที่หลากหลายพร้อมกันได้อย่างลื่นไหลทั้งระบบข้อมูลความบันเทิงในรถและ IVX นำเสนอภาพกราฟิกคมชัด ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนา และรองรับซอฟต์แวร์ด้านยานยนต์
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Automotive media
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.