รวมรถต้นแบบจาก 5 แบรนด์ ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018
ไฮไลท์เด่นในงานนี้ อีกประการหนึ่ง คือรถยนต์ต้นแบบที่โชว์เทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมจะกลายเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ต่อไปในอนาคต สำหรับรถยนต์ต้นแบบที่นำมาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ในครั้งนี้มีทั้งหมด 5 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ MAZDA VISION COUPE, MERCEDES-BENZ CONCEPT EQA, MG E-MOTION CONCEPT, MINI JOHN COOPER WORKS GP CONCEPT และ PORSCHE MISSION E
MAZDA VISION COUPE
มาสด้าได้นำรถต้นแบบ MAZDA VISION COUPE จากประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เพื่อสื่อสารปรัชญาการออกแบบรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ โดยมาสด้าได้เน้นย้ำในเรื่องของการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว หรือ SUSTAINABLE ZOOM–ZOOM 2030 คือยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสนใจในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างไรก็ตาม มาสด้ามองว่าการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้นั้น ต้องคำนึงถึงแหล่งกำเนิดพลังงานที่สะอาดด้วย มาสด้าจึงมีแนวคิดในเรื่องของ Well-to-Wheel เพื่อเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันมาสด้ายังคงหาทางเลือกที่หลากหลายในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบขับขี่ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีไฮบริด เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสาร และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ลูกค้ามีความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ยังพัฒนาในเรื่องของความปลอดภัยเพื่อให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น
MERCEDES – BENZ EQA
เมอร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซ็ปต์ อีคิวเอ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ ที่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยี อีคิวที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์กลุ่มคอมแพ็ค โดยรถยนต์รุ่นนี้ได้ผสานความคล่องตัวอันน่าประทับใจเข้ากับระยะทางในการขับขี่ที่ยาวไกล ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ผ่านการใช้สถาปัตยกรรมซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ที่สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มทุกแนวคิดเกี่ยวกับการเดินทางแห่งอนาคต และการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้วางรากฐานไว้เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานไปจนถึงปี 2025
MG E-MOTION CONCEPT
รถต้นแบบ “เอ็มจี อี-โมชัน” เป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานทั้งนวัตกรรมด้านการออกแบบ เทคโนโลยีที่ทันสมัยของเอสเอไอซี และการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ตเข้าไว้ด้วยกัน รถต้นแบบ เอ็มจี อี-โมชั่น ทิศทางการออกแบบรถยนต์เอ็มจีในอนาคต เป็นการผสมผสานทั้งนวัตกรรมด้านการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว บนโครงสร้างแพลตฟอร์มโมดูลาร์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเอสเอไอซี ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาไม่ถึง 4 วินาที และมีระยะทางขับเคลื่อนไกลกว่า 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
MINI JAHA COOPER WORKS GP CONCEPT
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี เป็นรถยนต์ต้นแบบที่สะท้อนถึงความปราดเปรียว โฉบเฉียว โดยมาในโทนสีดำ Black Jack Anthracite ที่เหลือบเป็นประกายสลับสีเทาและดำ ตัดกับสีแดง Curbside Red และสีส้ม High Speed Orange เพิ่มความร้อนแรงและเน้นให้เห็นดีไซน์อันโฉบเฉียว ของตัวรถ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยความกว้างของลิ้นหน้าทรงกวาดพื้นขนาดใหญ่ กระจังรังผึ้ง ด้านหน้า และกันชนหลัง พ่วงด้วยสเกิร์ตด้านข้างและสปอร์ยเลอร์บนหลังคา การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษทำให้รถมีน้ำหนักเบา และมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ให้ความแรงลู่ลมในสไตล์รถแข่งโกคาร์ดแบบฉบับมินิที่แท้จริง
สำหรับดีไซน์ในส่วนท้ายรถ ผสมผสานความงดงามและความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยท่อเสียคู่ติดตั้งตรงกลางชน สะท้อนดีเอ็นเอรถแข่งตามแบบฉบับของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แถมเพิ่มเสน่ห์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟท้ายที่มาในดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คครึ่งผืน ตอกย้ำถึงความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษได้อย่างมีสไตล์
ส่วนดีไซน์ภายในนั้นเน้นความเรียบง่าย เน้นการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยผสมผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับรายละเอียดต่าง ๆ ที่โดดเด่น ตัดด้วยสีสันสะดุดตา ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีขาวตัดด้วยหนังสีดำดุดันจากเบาะรองศีรษะ และเบาะที่นั่งกระชับลำตัว นอกจากนี้รถต้นแบบรุ่นนี้ยังติดตั้งโรลเคจนิรภัย อะลูมิเนียม แผงหน้าปัดสีดำ และระบบควบคุมแบบดิจิทัลในดีไซน์สะอาดตาบนหน้าจอกลางแผงคอนโซลรถ ที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งเติมได้ตามใจชอบ
PORSCHE MISSION E
Porsche Mission E เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ซึ่งรถยนต์ต้นแบบคันนี้สรรสร้างจากการผสมผสานระหว่างปรัชญาการออกแบบชั้นสูงของปอร์เช่ กับสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมผ่านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาด 800 โวลต์ หัวใจหลักของรถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่ง ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า 440 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ด้วยระยะทางสูงสุดกว่า 500 กิโลเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนและระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 3.5 วินาที และสามารถชาร์จพลังไฟฟ้ากลับได้ถึง 80 % ด้วยเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น อุปกรณ์ภายในควบคุมโดยเทคโนโลยี จับการเคลื่อนไหวของสายตา (Eye tracking) และ ระบบสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว (Gesture control) นอกจากนี้ยังมีระบบ Holograms ปรับหน้าจอให้สัมพันธ์กับตำแหน่งของผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติ
Comments are closed.