ดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเล ไปกับไอคอนระดับตำนาน TAG Heuer Aquaracer Professional 300
นี่คือการกลับมาอีกครั้งของนาฬิการุ่นไอคอนระดับตำนาน ที่พร้อมท้าทายคุณให้ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเลด้วยนาฬิกาหรูโฉมใหม่ล่าสุดจากตระกูล TAG Heuer Aquaracer Professional 300
หลังจากการเปิดตัวของตระกูล Aquaracer Professional 300 ในงาน Watches and Wonders Geneva เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา TAG Heuer ไม่รอช้า เปิดตัวนาฬิกา TAG Heuer Aquaracer Professional 300 โฉมใหม่เพิ่มถึงสามรุ่น พร้อมต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของนาฬิกาไอคอนนิคอย่าง TAG Heuer Aquaracer Professional 300 Night Diver สีดำสนิท ที่มาพร้อมหน้าปัดเรืองแสง
“Night Diver” ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่แฟนนาฬิกา TAG Heuer เปิดตัวครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 และกลายเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้สวมใส่สายแอคทีฟที่ใส่ใจแฟชั่น รักการผจญภัยในธรรมชาติ และชอบท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง “Night Diver” จึงถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาสปอร์ตที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น
โดยเหล่าทีมนักออกแบบ วิศวกร และทีม Brand Heritage ได้ทำงานร่วมกันเพื่อนำ TAG Heuer Aquaracer Professional 300 นาฬิการะดับไอคอนนิคอันเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนมาปัดฝุ่นอีกครั้ง นำไปสู่การพัฒนารูปแบบที่ยังคงรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ อย่างกรอบหน้าปัดรูปทรงสิบสองเหลี่ยม และลายเส้นสลักเป็นแนวขวางบนหน้าปัด เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาโมเดิร์นคลาสสิกที่มีความประณีตและใช้ได้หลากหลายโอกาส
ผสาน 3 พลัง กับ 3 รุ่นใหม่ จาก TAG Heuer Aquaracer Professional 300
TAG Heuer ส่งนาฬิการุ่นใหม่ทั้งสามรุ่นสู่ตระกูล Aquaracer Professional 300 จากเดิมจำนวนแปดรุ่น เพิ่มเป็น 11 รุ่น โดยทั้งสามรุ่นนี้ไม่ถือเป็นรุ่นลิมิเต็ดและจะถูกรวมอยู่ในคอลเลกชันหลัก โดยมาพร้อมตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร ผลิตจากสแตนเลสสตีลและสายยางที่สามารถปรับความยาวตรงบานพับได้
สำหรับรุ่นสีดำและสีน้ำเงินที่เปิดตัวในงาน Watches and Wonders นั้น มาพร้อมสายยางสีเดียวกันที่แมตซ์เข้าชุดกับสีของหน้าปัด และขอบหน้าปัดเซรามิคได้อย่างลงตัว
แต่รุ่นที่โดดเด่นที่สุด คงหนีไม่พ้นรุ่น “Night Diver” ที่ถูกรังสรรค์มาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ TAG Heuer Aquaracer Professional 300 Tribute to Ref. 844 โดยตัวเรือนแสตนเลสสตีล เม็ดมะยม ฝาหลัง และบานพับ ถูกเคลือบด้วย Diamond-like Carbon หรือ DLC สีดำด้านสนิท ซึ่งเป็นการเคลือบพื้นผิวที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความทนทานต่อทุกสภาวะที่ท้าทาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมขอบหน้าปัดเซรามิคสีดำที่มีความทนทานสูง
โดยคุณสมบัติเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Night Diver คือการเคลือบหน้าปัดด้วยพรายน้ำ Super-LumiNova® ทำให้ตัวหน้าปัดสามารถเรืองแสงในที่มืดได้อย่างสวยงาม เพิ่มความมั่นใจให้ผู้สวมใส่แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย เข็มนาทีและวินาทีถูกออกแบบให้ส่องแสงสีฟ้าตัดกับพื้นหลังหน้าปัดที่สะท้อนแสงสีเขียว โดยหลักชั่วโมงทรงแปดเหลี่ยมนอกเหนือจากตำแหน่ง 12 3 6 และ 9 นาฬิกา จะถูกเคลือบเป็นสีดำสนิท นอกจากนี้ รูปทรงสามเหลี่ยมบนตัวขอบหน้าปัดซึ่งสามารถหมุนได้ทิศทางเดียวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาก็จะส่องแสงสีฟ้าแมตซ์กับเข็มนาทีและวินาทีอีกด้วย เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถจับเวลาดำน้ำได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
ยืดหยุ่นทุกสถานการณ์ด้วยบานพับที่ปรับระดับได้
TAG Heuer Aquaracer Professional 300 รุ่นใหม่ทั้งหมดมาพร้อมสายยางและบานพับแบบปรับได้ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่อย่างสวยงาม โดยสายนาฬิกาจะถูกตัดโดยผู้เชี่ยวชาญให้พอดีกับขนาดข้อมือของผู้สวมใส่ ณ ช้อป TAG Heuer ทุกสาขา เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถปรับสายนาฬิกาได้อย่างอิสระยามสวมใส่ชุดดำน้ำ หรือเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ข้อมือขยายหรือหดตัว
กลไกนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยวิศวกรของ TAG Heuer เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพที่ดีที่สุดให้แก่ผู้สวมใส่ เพราะความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถปรับได้อย่างละเอียดเพียงกดและสไลด์ปุ่มบริเวณด้านข้างบานพับ นอกจากนี้ตัวบานพับยังมีปุ่มกดเพื่อความปลอดภัยแบบสองชั้นที่ช่วยป้องกันการถูกปลดล็อกโดยบังเอิญได้อีกด้วย ประสบการณ์การการใช้งานเหนือระดับคือสิ่งที่ตอกย้ำจุดยืนของนาฬิกาสุดหรูจากตระกูล Aquaracer Professional 300 ได้เป็นอย่างดี
ออกแบบมาเพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ ใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างไร้ที่ติ
เช่นเดียวกับนาฬิกาอีกแปดรุ่นในตระกูลที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ นาฬิกาโฉมใหม่ทั้งสามรุ่นนี้ยังได้หยิบยกคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาดำน้ำ TAG Heuer ตั้งแต่ปีค.ศ. 1983 มาสืบทอดต่ออีกด้วย ได้แก่ ขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว เม็ดมะยมขันเกลียว ความสามารถในการกันน้ำได้อย่างน้อย 200 เมตร หลักชั่วโมงเรืองแสง คริสตัลที่ทนต่อรอยขีดข่วน และบานพับพร้อมตัวล็อกนิรภัยสองชั้น ฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริงเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของการออกแบบที่สร้างความมั่นใจแก่นักสำรวจใต้น้ำมาอย่างยาวนานเกือบสี่ทศวรรษแล้ว
นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยดีเทลที่ช่วยเสริมความรู้สึกหรูหราและประสิทธิภาพการใช้งานในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นขอบตัวเรือนทั้ง 12 ด้านที่ถูกเจียระไนเพื่อความมั่นคง เม็ดมะยมที่ได้รับการป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อมภายนอก รวมถึงแว่นขยายบนตัวเลขวันที่ซึ่งถูกแทรกไว้ด้านล่างของกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เพื่อความเรียบเนียนยามสัมผัส
ดีเทลทั้งหมดถูกถ่ายทอดเหนือหน้าปัดที่สลักเส้นลายขวางซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ TAG Heuer และถูกขัดเกลาให้เข้ากับนาฬิกายุคใหม่มากขึ้น ซึ่งมีความแตกต่างจาก TAG Heuer Aquaracer รุ่นก่อนเล็กน้อย ช่วยอัพเลเวลความสง่างามและความภูมิฐานขึ้นไปอีกขั้น
เช่นเดียวกับคอลเลกชันเปิดตัวของ TAG Heuer Aquaracer Professional 300 สามรุ่นใหม่นี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 5 แบบอัตโนมัติ ฝาหลังประทับตราสัญลักษณ์นักประดาน้ำอันโด่งดัง พร้อมฝาครอบทรง 12 เหลี่ยม โดยทุกรุ่นสามารถกันน้ำได้สูงถึง 300 เมตร (30 บาร์ หรือ 1,000 ฟุต)
THE FIRST 11: TAG Heuer Aquaracer ตำนานที่ยังคงเล่าขานต่อไป
การประกาศเปิดตัวทั้งสามรุ่นใหม่ภายใต้ตระกูล TAG Heuer Aquaracer Professional 300 ได้เติมเต็มให้คอลเลกชั่นนี้สมบูรณ์ รวมเป็น 11 นาฬิกาทรงประสิทธิภาพ ผลงานที่ออกแบบมาเพื่อนักดำน้ำ นักผจญภัย และนักสำรวจรุ่นใหม่ที่ต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดและค้นพบตัวเองอย่างแท้จริง พวกเขาคือสิ่งที่จะขับเคลื่อนเรื่องราวใหม่ๆ ในอนาคต
ย้อนวันวานไปกับ TRIBUTE TO REF. 844
ในเดือนเมษายน 2564 TAG Heuer ได้เปิดตัว Aquaracer Professional 300 Tribute to Ref 844 รุ่น limited edition ที่ควรค่าแก่การสะสม เพื่อเติมเต็มคอลเลกชันให้พิเศษและยกย่องมรดกอันยอดเยี่ยมของการออกแบบนี้ โดยตั้งชื่อตามเรื่องราวของนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ Ref. 844 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1978 โดยรุ่นนี้จะถูกสร้างขึ้นเพียงแค่ 844 เรือนเท่านั้น!
เตรียมพบกับ TAG Heuer Aquaracer Professional 300 โฉมใหม่ได้เร็ว ๆ นี้ที่ TAG Heuer สาขาใหม่ ณ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว!
Comments are closed.